ร้านค้าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สร้างความมั่งคั่ง แห่รับชำระเงินด้วยคริปโต เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพจคริปโต ‘Y BTC’ ได้เปิดเผยรายชื่อร้านค้าในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เปิดรับชำระเงินด้วยคริปโต Bitcoin Lightning Network ซึ่งข้อมูลเขียนระบุว่า ปัจจุบันมีทั้งหมด 18 ร้านค้าและกำลังเพิ่มมากขึ้น กระจายอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส สร้างความฮือฮาให้กับชาวคริปโตกันไม่น้อย ที่ชาวบ้านทั่วๆไปเริ่มหันมาสร้างความมั่งคั่งด้วยการออมคริปโตเคอเรนซี่ผ่านการรับชำระสินค้า จังหวัดที่มีร้านค้าเปิดรับชำระเงินด้วยคริปโต Bitcoin มากที่สุด ได้แก่ ‘ยะลา’ ขึ้นนำเป็นหัวแถวด้วยจำนวนมากถึง 12 ร้าน ตามมาด้วยปัตตานี จำนวน 4 ร้าน และนราธิวาส จำนวน 2 ร้าน การรับชำระเงินด้วยคริปโต Bitcoin Lightning Network สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบ Bitcoin Lightning Network เป็นเทคโนโลยี Layer-2 ของ Bitcoin ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าและค่าธรรมเนียมสูงของการทำธุรกรรม Bitcoin แบบดั้งเดิม Lightning Network ช่วยให้การชำระเงินด้วยบิทคอยน์ เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมถูก จนสามารถใช้สำหรับการซื้อขายสินค้าและบริการในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย เทคโนโลยีนี้ทำให้ร้านค้าสามารถรับชำระเงินจากลูกค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องรอเวลายืนยันธุรกรรมนานเหมือนการใช้ Bitcoin แบบปกติ ซึ่งอาจใช้เวลาเป็น 10 นาที การใช้ Lightning Network จึงทำให้ Bitcoin กลายเป็นตัวเลือกการชำระเงินที่ใช้งานได้จริงสำหรับธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้กำลังถูกพูดถึงไปทั่ววงการ แม้แต่ ‘พี่ชิต Bitcoiner’ ขวัญใจคนไทย ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยกล่าวว่า “Bitcoin มักจะเกิดในที่ที่เราไม่คาดคิดเสมอ” ซึ่งสะท้อนถึงธรรมชาติของการแพร่กระจายเทคโนโลยีที่มักเกิดขึ้นในพื้นที่และสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา ข้อดีของการรับชำระเงินด้วยคริปโต ข้อดีของการ รับชำระสินค้าด้วยคริปโต มีหลายด้านที่ช่วยให้ธุรกิจได้เปรียบทั้งด้านการตลาดและระบบการเงินครับ เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ดึงดูดลูกค้าที่นิยมใช้คริปโต โดยเฉพาะชาวต่างชาติหรือคนรุ่นใหม่ ทำให้ธุรกิจดูทันสมัยและมีนวัตกรรม ธุรกรรมรวดเร็วและข้ามพรมแดน การโอนคริปโตทำได้ทันทีจากที่ไหนก็ได้ในโลก ลดความยุ่งยากเรื่องค่าโอนเงินข้ามประเทศหรืออัตราแลกเปลี่ยน ลดต้นทุนค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมโอนต่ำกว่าบัตรเครดิตหรือ PayPal โดยเฉพาะเมื่อใช้บล็อกเชนที่ค่าธรรมเนียมต่ำ เช่น BSC, Polygon, Base ไม่สามารถปฏิเสธการจ่ายหรือยกเลิกธุรกรรม (No chargeback) ร้านค้าไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกเรียกเงินคืน (Chargeback fraud) เพิ่มความมั่นใจด้านรายรับที่ไม่ถูกหักคืน ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ทุกธุรกรรมบันทึกบนบล็อกเชน ตรวจสอบย้อนหลังได้ ลดปัญหาการโกงหรือข้อพิพาทบางรูปแบบ รองรับการใช้ Stablecoin ถ้าเลือกใช้เหรียญ Stablecoin เช่น USDT, USDC หรือ THBT (บาทดิจิทัล) ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา สร้างภาพลักษณ์ธุรกิจที่ล้ำสมัย เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความแตกต่าง เช่น ร้านค้าออนไลน์, ท่องเที่ยว, เทคโนโลยี ช่วยเสริมแบรนด์ให้ดูเป็น “ดิจิทัลไฟแนนซ์เฟรนด์ลี่” เสริมสร้างความมั่งคั่ง Bitcoin หากดูย้อนหลังจะเห็นว่ามีมูลค่าที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สรุปคือ: การรับคริปโตเหมาะกับธุรกิจที่อยากขยายตลาด, ลดข้อจำกัดการโอนเงิน, และสร้างภาพลักษณ์ทันสมัย แต่ควรใช้ควบคู่กับระบบแปลงกลับเป็นเงินบาทเพื่อบริหารความเสี่ยง และช่วยในเรื่องของค่าเงินที่เฟ้ออย่างต่อเนื่องได้ ความเสียงของการรับชำระด้วยคริปโต ความเสี่ยงของการ รับชำระสินค้าด้วยคริปโต มีหลายด้านที่ผู้ประกอบการและผู้ใช้งานควรระวังครับ ความผันผวนของราคา (Volatility) มูลค่าเหรียญคริปโตอาจขึ้นลงอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่นาทีเว้นแต่จะใช้ Stablecoin ความเสี่ยงด้านกกำกับดูแล การแปลงเป็นเงินบาทนั้นต้องผ่านผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. เท่านั้น ความเสี่ยงด้านเทคนิคและไซเบอร์ (Cybersecurity) กระเป๋าคริปโต (Wallet) อาจถูกแฮ็กหรือถูกขโมยคีย์ส่วนตัว (Private Key) ควรศึกษาให้ละเอียดก่อนใช้งานเพราะการใช้คริปโตนั้นเราจะต้องดูแลความปลอดภัยของเงินด้วยตัวเอง การยอมรับของลูกค้า แม้จะเริ่มมีการใช้คริปโต แต่คนทั่วไปยังนิยมเงินสด/บัตรมากกว่า โดยเฉพาะในประเทศไทยมีพร้อมเพย์ที่ค้อนข้างสะดวกใช้งาน โดยทั่วไป หากธุรกิจต้องการลดความเสี่ยง นิยมใช้ Stablecoin (เช่น USDT, USDC) หรือใช้ผู้ให้บริการ Payment Gateway คริปโต ที่จะทำการแปลงเป็นเงินบาทให้อัตโนมัติ คริปโตเคอเรนซี่มีความเสียง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้แน่ชัดก่อนการลงทุนทุกครั้ง เหนือสิ่งอื่นใดควรลงทุนกับความรู้ก่อนการลงทุนเสมอ
%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%99-3-%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%94

ร้านค้าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สร้างความมั่งคั่ง แห่รับชำระเงินด้วยคริปโต
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพจคริปโต ‘Y BTC’ ได้เปิดเผยรายชื่อร้านค้าในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เปิดรับชำระเงินด้วยคริปโต Bitcoin Lightning Network ซึ่งข้อมูลเขียนระบุว่า ปัจจุบันมีทั้งหมด 18 ร้านค้าและกำลังเพิ่มมากขึ้น กระจายอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส สร้างความฮือฮาให้กับชาวคริปโตกันไม่น้อย ที่ชาวบ้านทั่วๆไปเริ่มหันมาสร้างความมั่งคั่งด้วยการออมคริปโตเคอเรนซี่ผ่านการรับชำระสินค้า

จังหวัดที่มีร้านค้าเปิดรับชำระเงินด้วยคริปโต Bitcoin มากที่สุด ได้แก่ ‘ยะลา’ ขึ้นนำเป็นหัวแถวด้วยจำนวนมากถึง 12 ร้าน ตามมาด้วยปัตตานี จำนวน 4 ร้าน และนราธิวาส จำนวน 2 ร้าน

การรับชำระเงินด้วยคริปโต Bitcoin Lightning Network
สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบ Bitcoin Lightning Network เป็นเทคโนโลยี Layer-2 ของ Bitcoin ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าและค่าธรรมเนียมสูงของการทำธุรกรรม Bitcoin แบบดั้งเดิม Lightning Network ช่วยให้การชำระเงินด้วยบิทคอยน์ เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมถูก จนสามารถใช้สำหรับการซื้อขายสินค้าและบริการในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย

เทคโนโลยีนี้ทำให้ร้านค้าสามารถรับชำระเงินจากลูกค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องรอเวลายืนยันธุรกรรมนานเหมือนการใช้ Bitcoin แบบปกติ ซึ่งอาจใช้เวลาเป็น 10 นาที การใช้ Lightning Network จึงทำให้ Bitcoin กลายเป็นตัวเลือกการชำระเงินที่ใช้งานได้จริงสำหรับธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้กำลังถูกพูดถึงไปทั่ววงการ แม้แต่ ‘พี่ชิต Bitcoiner’ ขวัญใจคนไทย ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยกล่าวว่า “Bitcoin มักจะเกิดในที่ที่เราไม่คาดคิดเสมอ” ซึ่งสะท้อนถึงธรรมชาติของการแพร่กระจายเทคโนโลยีที่มักเกิดขึ้นในพื้นที่และสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา

ข้อดีของการรับชำระเงินด้วยคริปโต
ข้อดีของการ รับชำระสินค้าด้วยคริปโต มีหลายด้านที่ช่วยให้ธุรกิจได้เปรียบทั้งด้านการตลาดและระบบการเงินครับ

เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่
ดึงดูดลูกค้าที่นิยมใช้คริปโต โดยเฉพาะชาวต่างชาติหรือคนรุ่นใหม่
ทำให้ธุรกิจดูทันสมัยและมีนวัตกรรม
ธุรกรรมรวดเร็วและข้ามพรมแดน
การโอนคริปโตทำได้ทันทีจากที่ไหนก็ได้ในโลก
ลดความยุ่งยากเรื่องค่าโอนเงินข้ามประเทศหรืออัตราแลกเปลี่ยน
ลดต้นทุนค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมโอนต่ำกว่าบัตรเครดิตหรือ PayPal
โดยเฉพาะเมื่อใช้บล็อกเชนที่ค่าธรรมเนียมต่ำ เช่น BSC, Polygon, Base
ไม่สามารถปฏิเสธการจ่ายหรือยกเลิกธุรกรรม (No chargeback)
ร้านค้าไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกเรียกเงินคืน (Chargeback fraud)
เพิ่มความมั่นใจด้านรายรับที่ไม่ถูกหักคืน
ความโปร่งใสและตรวจสอบได้
ทุกธุรกรรมบันทึกบนบล็อกเชน ตรวจสอบย้อนหลังได้
ลดปัญหาการโกงหรือข้อพิพาทบางรูปแบบ
รองรับการใช้ Stablecoin
ถ้าเลือกใช้เหรียญ Stablecoin เช่น USDT, USDC หรือ THBT (บาทดิจิทัล)
ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
สร้างภาพลักษณ์ธุรกิจที่ล้ำสมัย
เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความแตกต่าง เช่น ร้านค้าออนไลน์, ท่องเที่ยว, เทคโนโลยี
ช่วยเสริมแบรนด์ให้ดูเป็น “ดิจิทัลไฟแนนซ์เฟรนด์ลี่”
เสริมสร้างความมั่งคั่ง
Bitcoin หากดูย้อนหลังจะเห็นว่ามีมูลค่าที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สรุปคือ: การรับคริปโตเหมาะกับธุรกิจที่อยากขยายตลาด, ลดข้อจำกัดการโอนเงิน, และสร้างภาพลักษณ์ทันสมัย แต่ควรใช้ควบคู่กับระบบแปลงกลับเป็นเงินบาทเพื่อบริหารความเสี่ยง และช่วยในเรื่องของค่าเงินที่เฟ้ออย่างต่อเนื่องได้

ความเสียงของการรับชำระด้วยคริปโต
ความเสี่ยงของการ รับชำระสินค้าด้วยคริปโต มีหลายด้านที่ผู้ประกอบการและผู้ใช้งานควรระวังครับ

ความผันผวนของราคา (Volatility)
มูลค่าเหรียญคริปโตอาจขึ้นลงอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่นาทีเว้นแต่จะใช้ Stablecoin
ความเสี่ยงด้านกกำกับดูแล
การแปลงเป็นเงินบาทนั้นต้องผ่านผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. เท่านั้น
ความเสี่ยงด้านเทคนิคและไซเบอร์ (Cybersecurity)
กระเป๋าคริปโต (Wallet) อาจถูกแฮ็กหรือถูกขโมยคีย์ส่วนตัว (Private Key) ควรศึกษาให้ละเอียดก่อนใช้งานเพราะการใช้คริปโตนั้นเราจะต้องดูแลความปลอดภัยของเงินด้วยตัวเอง
การยอมรับของลูกค้า
แม้จะเริ่มมีการใช้คริปโต แต่คนทั่วไปยังนิยมเงินสด/บัตรมากกว่า โดยเฉพาะในประเทศไทยมีพร้อมเพย์ที่ค้อนข้างสะดวกใช้งาน
โดยทั่วไป หากธุรกิจต้องการลดความเสี่ยง นิยมใช้ Stablecoin (เช่น USDT, USDC) หรือใช้ผู้ให้บริการ Payment Gateway คริปโต ที่จะทำการแปลงเป็นเงินบาทให้อัตโนมัติ

คริปโตเคอเรนซี่มีความเสียง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้แน่ชัดก่อนการลงทุนทุกครั้ง เหนือสิ่งอื่นใดควรลงทุนกับความรู้ก่อนการลงทุนเสมอ