Create an Album
Media Gallery
-
รวม 5 อันดับกระเป๋าคริปโตหรือ Hardware wallet ที่ดีที่สุดไว้ให้แล้ว สำหรับใครมองหากระเป่าเก็บคริปโตแทนที่การเก็บอยู่ใน application อย่าง Metamask, Trust wallet ลองอ่านบาทความนี้ดูก่อนสัดสินใจซื้อ เชื่อว่าการเลือกกระเป๋าเก็บคริปโตหรือ Hardware wallet ดีๆนั้นมีความสำคัญมากในการจัดเก็บสินทรัพย์ของทุกคน และยังเป็นสิ่งจำเป็นมากๆหลายคนเก็บเงินจำนวนมากเลือกที่จะเก็บเงินไว้ในแอพลิเคชั่นกระเป๋าเก็บคริปโตนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ก็เข้าใจได้ขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของแต่ละคน แต่จากข้อมูลล่าสุดในปี 2025 มีหลายรุ่นที่ได้รับการยอมรับในด้านความปลอดภัยและคุณสมบัติต่างๆ รวม 5 อันดับกระเป๋าคริปโตหรือ Hardware wallet ที่ดีที่สุดไว้ให้แล้ว เราจัดอันดับกระเป๋าคริปโต Hardware wallet ที่ดีที่สุดโดยอิงจากการใช้งานจริงเท่านั้น “Not your key not your coins” ไม่ใช่คีย์ของคุณ ไม่ใช่เหรียญของคุณ เชื่อหรือไม่ประโยคนี้ นี่ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริง ดังนั้น ความสำคัญของการรักษาสินทรัพย์ของคุณจึงไม่ควรละเลยเลิกเก็บในแอพหรือในกระดานเทรดเถอะ
Paykalken
-
รู้จัก Carbon credit ทำไมถึงสำคัญกับโลกธุรกิจ ในปัจจุบันหากพูดถึง Carbon credit นั้นหลายๆคนสงสัยว่าคืออะไรอยู่ แต่รู้หรือไม่สิ่งนี้คือสิ่งสำคัญไม่น้อยสำหรับธุรกิจในอนาคตเลยละ ทั้งยังสามารถซื้อขายกันได้ในตลาดคาร์บอนเหมือนคริปโตเคอเรนซี่เลยละ Carbon credit คืออะไร? คาร์บอนเครดิต Carbon credit เป็นระบบการซื้อขายที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยผู้ที่สามารถลดหรือดูดซับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ (เช่น โครงการป่าไม้ที่ดูดซับคาร์บอน) จะได้รับเครดิตคาร์บอน ซึ่งสามารถขายให้กับบริษัทหรือประเทศที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซของตนเองได้ พูดอย่างง่ายๆ ก็คือ หากบริษัทปล่อยคาร์บอนมากเกินไป บริษัทจะต้องซื้อเครดิตจากโครงการที่ดูดซับคาร์บอนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซได้อย่างเป็นระบบ ระบบนี้ใช้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมให้ธุรกิจและประเทศต่างๆ ลงทุนในกิจกรรมที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือดูดซับคาร์บอน ทั้งในระดับสาธารณะและเอกชน เพื่อให้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หากมองในเชิงก้าวหน้า ระบบเครดิตคาร์บอนอาจเป็นเครื่องมือในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืนในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอดูว่าระบบเครดิตคาร์บอนจะเป็นเพียง “การซื้อเวลา” ให้กับธุรกิจที่ไม่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างแท้จริงหรือไม่ ประโยชน์ของคาร์บอนเครดิต (Carbon credit) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก : ระบบคาร์บอนเครดิตส่งเสริมให้บริษัทต่างๆ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อเครดิต และผู้ที่ดำเนินโครงการลดการปล่อยคาร์บอนสำเร็จสามารถขายเครดิตดังกล่าวให้กับผู้ที่ทำไม่ได้ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวม กระตุ้นการลงทุนในโครงการพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตช่วยให้สามารถจัดหาเงินทุนให้กับโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดหรือการกักเก็บคาร์บอน (เช่น การปลูกป่าใหม่ การผลิตพลังงานหมุนเวียน) นำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สิ่งจูงใจสำหรับธุรกิจ : ระบบ Carbon credit คาร์บอนเครดิตมอบแรงจูงใจให้ธุรกิจต่างๆ พัฒนาและใช้เทคโนโลยีที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากการลดการปล่อยก๊าซหมายความว่าธุรกิจต่างๆ ไม่ต้องซื้อเครดิตคาร์บอนเพิ่มเติม ช่วยบรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ : ระบบนี้สนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซภายใต้ข้อตกลงระหว่างประเทศ เช่น ข้อตกลงปารีส ซึ่งกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก การสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ : ธุรกิจที่ดำเนินกิจกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซสามารถสร้างรายได้โดยการขายคาร์บอนเครดิต เช่น โครงการปลูกป่าใหม่หรือการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสามารถนำไปสู่การเติบโตในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ยั่งยืนได้ การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและองค์กร : การซื้อขายคาร์บอนเครดิตช่วยให้ประเทศหรือองค์กรที่ไม่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของตนเองมีทางเลือกในการบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกได้โดยการสนับสนุนโครงการลดคาร์บอนในประเทศอื่นๆ การใช้คาร์บอนเครดิต Carbon credit ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แม้ว่าจะต้องใช้เวลาในการสร้างความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างก็ตาม Carbon credit มีจำกัดและมีมูลค่าในตัวเอง Carbon credit ถูกสร้างขึ้นโดยการลดหรือดูดซับก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ไม่สามารถ “พิมพ์” คาร์บอนเครดิตได้โดยไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจริงๆ เช่นเดียวกับ Bitcoin ที่ต้องใช้พลังในการคำนวณเพื่อ “ขุด” คาร์บอนเครดิต ยังมีต้นทุนจริงที่เกี่ยวข้องในการผลิต เช่น การปลูกป่า การติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์ หรือการเปลี่ยนระบบโรงงาน Carbon credit สามารถซื้อขายได้ในตลาด คาร์บอนเครดิต Carbon credit มีแพลตฟอร์มการซื้อขาย เช่น FTIX ในประเทศไทย หรือ CBL , AirCarbon , CTX ในต่างประเทศ มีการเก็งกำไรเช่นเดียวกับBitcoinโดยเฉพาะในประเทศที่มีนโยบาย ESG ที่เข้มงวด Carbon credit เชื่อมโยงกับอนาคตของโลก หาก Bitcoin ได้รับการมองว่าเป็น “ อนาคตของเงิน ” คาร์บอนเครดิต Carbon credit ก็จะถูกมองว่าเป็น “อนาคตของเศรษฐกิจสีเขียว” เนื่องจากประเทศต่างๆ ทั้งหมดจะต้องลดการปล่อยคาร์บอนภายใต้ข้อตกลงระหว่างประเทศ เช่น ข้อตกลงParis อีกด้านหนึ่งของ Carbon credit Carbon credit ไม่ใช่สินทรัพย์ฟรีเหมือน Bitcoin ราคา Carbon credit ถูกควบคุมโดยมาตรฐาน การรับรอง และนโยบายของรัฐบาล ไม่ถูกขับเคลื่อนโดยตลาดเสรีอย่างสมบูรณ์ การผลิตมีต้นทุนที่แท้จริง ผู้พัฒนาโครงการต้องการการลงทุนที่แท้จริง วัดผลได้ และตรวจสอบได้ ไม่ใช่แค่สร้าง “เหรียญดิจิทัล” เพื่อขายเท่านั้น ขาดสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายต่ำ ตลาด Carbon credit ของไทยมีการซื้อขาย CO₂e เพียง 3.2 ล้านตันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังประสบปัญหาอุปสรรคเชิงโครงสร้าง เช่น ค่าธรรมเนียมที่สูง การเข้าถึงที่ต่ำ และการตรวจสอบที่ยากลำบาก การซื้อขาย Carbon credit ในประเทศไทย โอกาสทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ ประเทศไทยได้เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังในเรื่อง “Carbon credit” หรือกลไกทางเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก แต่ในทางปฏิบัติ แม้จะมีโครงสร้างพื้นฐานในระดับหนึ่ง แต่ตลาดเครดิตคาร์บอนของไทยกลับไม่เติบโตเท่าที่ควร ระบบรับรอง Carbon credit และแพลตฟอร์มการซื้อขาย การดำเนินงาน Carbon credit ในประเทศไทย อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ “องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)” ผ่านโครงการ T-VER (โครงการลดการปล่อยก๊าซภาคสมัครใจของประเทศไทย) เป็นระบบสมัครใจสำหรับองค์กรและหน่วยงานที่ต้องการลดหรือหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น CO₂, CH₄ และ N₂O ผู้ที่สามารถขอรับการรับรอง Carbon credit ได้ จะต้องดำเนินโครงการที่อยู่ใน 7 ประเภทหลัก ผู้ที่มีสิทธิ์รับการรับรอง Carbon credit ได้แก่ พลังงานหมุนเวียน ระบบขนส่ง การจัดการขยะ ประสิทธิภาพการใช้ พลังงาน การใช้ที่ดิน โรงงาน และเทคโนโลยีการดักจับและใช้ประโยชน์จากคาร์บอน กระบวนการพัฒนาโครงการ Carbon credit ก่อนเข้าสู่ระบบ T-VER ผู้พัฒนาโครงการจะต้องเริ่มต้นด้วยการประเมิน “ปริมาณการปล่อยคาร์บอน” เพื่อระบุจุดที่มีการปล่อยคาร์บอนสูงในกิจกรรมหรือระบบขององค์กร จากนั้นจึงออกแบบมาตรการเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นระบบ กระบวนการลงทะเบียนกับ “องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)” เอกสารโครงการจะต้องได้รับการจัดเตรียม ตรวจสอบโดยผู้ประเมินอิสระ และรอการอนุมัติจากหน่วยงาน ก่อนที่จะได้รับเครดิตคาร์บอนและสามารถเข้าสู่ระบบการซื้อขายได้ ค่าใช้จ่ายและข้อจำกัดของ Carbon credit ที่คุณควรทราบ แม้ว่ากระบวนการจะชัดเจน แต่ค่าใช้จ่ายยังคงเป็นอุปสรรคที่สำคัญ โดยมีค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนโครงการและรับรองเครดิตคาร์บอน 5,000 บาทต่อใบสมัคร ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบภายนอกอาจอยู่ระหว่าง 40,000 ถึง 65,000 บาทต่อโครงการ โดยไม่รวมต้นทุนการลงทุนจริงของโครงการ เช่น ระบบพลังงานแสงอาทิตย์หรือการปรับปรุงอุปกรณ์ในโรงงาน โครงการป่าไม้ยังถูกจำกัดด้วยพื้นที่ขั้นต่ำ 10 ไร่ และโฉนดที่ดิน ทำให้ชุมชนหรือผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงได้ ยาก แนวโน้มการซื้อขาย Carbon credit และโอกาสในอนาคตเป็นอย่างไร? ตั้งแต่ต้นเดือน เมษายน พ.ศ. 2567 (ข้อมูลปรับปรุง : 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2567) ประเทศไทยมีปริมาณการซื้อขายเครดิตคาร์บอนสะสม 3.26 ล้านตัน CO₂e มูลค่ารวม 292 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 2.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โครงการที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดคือโครงการประเภทชีวมวล (41% ของตลาด) แม้ว่าราคาจะอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 1.1 เหรียญสหรัฐต่อตันก็ตาม ในทางกลับกัน โครงการปลูกป่าทดแทนมีราคาเฉลี่ยสูงสุดที่ 17 เหรียญสหรัฐต่อตันในปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของตลาดโลกในการให้ความสำคัญกับโครงการที่มีความยั่งยืนสูงและจับต้องได้ต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ปริมาณCarbon creditที่ซื้อขายยังคงมีสัดส่วนเพียง 0.77% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของประเทศ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่จะกลายเป็น “ประเทศปลอดคาร์บอน” ภายในปี พ.ศ. 2568 ประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมุ่งที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และลดการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 ประเทศไทยยังได้เพิ่มเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะสั้นเป็นร้อยละ 30 ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับการปล่อยปกติ และสามารถเพิ่มเป้าหมายเป็นร้อยละ 40 ได้หากได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ ตลาดCarbon creditของไทยยังคงมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการที่มี เป้าหมายด้าน ESGหรือองค์กรที่ต้องการชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ อย่างไรก็ตาม เพื่อผลักดันให้ตลาดนี้ขยายตัวอย่างแท้จริง จำเป็นต้องลดข้อจำกัดในระบบ เช่น การลดต้นทุนการรับรอง เพิ่ม การสนับสนุน ทางการเงินสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย และปรับปรุงความเข้าใจในท้องถิ่น หากภาครัฐและเอกชนสามารถแก้ไขอุปสรรคเหล่านี้ได้สำเร็จ ตลาดเครดิตคาร์บอนของไทยจะกลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคตอันใกล้นี้ แม้ว่าตลาดCarbon creditในประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและมีข้อจำกัดในด้านต้นทุน กระบวนการ และการเข้าถึงสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “เครดิตคาร์บอน” กำลังกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และอาจเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่ควรจับตามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกกำลังมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างจริงจัง หากรัฐบาลสามารถเร่งลดข้อจำกัด สนับสนุนโครงการที่มีคุณภาพ และออกแบบกลไกตลาดให้มีความยืดหยุ่นและโปร่งใสมากขึ้น ตลาดเครดิตคาร์บอนของไทยก็มีศักยภาพที่จะเติบโตและมีบทบาทสำคัญในเวทีโลกไม่น้อยไปกว่าสินทรัพย์ทางเลือกอื่น อนาคตของCarbon creditในประเทศไทยอาจไม่ชัดเจนเท่ากับคำว่า “ Next Bitcoin ” แต่ก็ชัดเจนเพียงพอที่จะเริ่มศึกษา ทำความเข้าใจ และมองเห็นมูลค่าก่อนที่มูลค่าจะไปไกลกว่านี้มาก สรุป Carbon credit Carbon credit เป็นระบบที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผู้ที่สามารถลดหรือดูดซับการปล่อยก๊าซได้ (เช่น การปลูกต้นไม้หรือพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด) จะได้รับเครดิตคาร์บอน ซึ่งสามารถขายให้กับบริษัทหรือประเทศที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซได้ ประโยชน์มหาศาลของเครดิตคาร์บอนช่วยส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนโดยเน้นที่การลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับโลก
Paykalken
-
บิทคอยน์ (Bitcoin) คือสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ ที่ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคารกลางหรือองค์กรกลางใดๆ ในการควบคุม ทั้งยังสามารถโอนระหว่างประเทศได้อย่างรวดแล้ว ปล.และโอนมาขายทางร้านได้อีกด้วย
Paykalken
-
Paykalken บริการแลกเงิน Paypal และบริการแลกคริปโตเป็นเงินบาท สะดวก รวดเร็ว ตลอด 24ชม ลงทะเบียนใช้งานได้ที่ https://paykalken.com/
Paykalken
-
คริปโตคืออะไร (Cryptocurrency) คือ สกุลเงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัส เพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและการควบคุมการสร้างหน่วยใหม่ ตัวอย่างที่รู้จักกันดีคือ บิตคอยน์ (Bitcoin) และอีเธอเรียม (Ethereum) หรือ เอนิมอลเวิร์ส คลับ (AVC)โดยคริปโตมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากเงินทั่วไปคือ
Paykalken
-
Paykalken
Paykalken
-
Paykalken
Paykalken
-
Paykalken (4)
Paykalken
-
Paykalken (3)
Paykalken
-
Paykalken (3)
Paykalken