Create an Album
Media Gallery
-
ทองเท้า Bored ApeYC เบอร์ 42
News
-
Buy AVC Token
News
-
ราคาบิทคอยน์ ในปี 2010 มีการทำธุรกรรมครั้งแรกโดย Laszlo Hanyecz ชาวฟอริดา ใช้จ่ายค่าพิซซ่าด้วยบิทคอยน์ในราคา 10,000 BTC หากเทียบกับราคาปัจจุบันมีค่าเท่ากับ 10,369,576,793 บาท โดยประมาณซึ่งมีค่าเยอะมากก! นับเป็นการใช้บิทคอยน์ในเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของโลก จึงกำหนดให้วันที่ 22 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวัน “Bitcoin Pizza Day” ราคาบิทคอยน์ ในปี 2011 เป็นครั้งแรกที่บิทคอยน์มีราคาเท่ากับ $1 เพราะกระดานเทรดต่างประเทศเริ่มมีการนำบิทคอยน์ มาให้ซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยจากเดิม $1 ในเดือนก.พ. จนทำสถิติสูงสุด $32 ในเดือนมิ.ย. ในเวลาเพียงแค่ 3 เดือน มีการเติบโตถึง 3,200% หลังจากนั้นราคาบิทคอยน์ก็แกว่งไปมา $4-13 ภายในปี ราคาบิทคอยน์ ในปี 2012 เกิด Bitcoin Halving ครั้งแรก ช่วงก่อน Halving นี้ส่งผลให้ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้น +341.90% โดยซื้อขายกันที่ระดับราคาเฉลี่ยที่ $12.31 ต่อ BTC ในเดือนพฤศจิกายน 2012 ราคาบิทคอยน์ ในปี 2013 เป็นปีที่มีการเคลื่อนไหวรุนแรงมากที่สุดในปีนี้ บิทคอยน์ได้พุ่งไปถึง $220 จากนั้นลดลง $70 ภายในเดือนเดียวกัน แต่ไม่หยุดอยู่เท่านี้ ราคากลับสวิงพุ่งขึ้นสูงถึง $1,156 อีกครั้งในเดือนธ.ค. และก็เช่นเดิมลดลงมาอย่างรวดเร็วที่ $315 ในปีเดียวกัน People’s Bank of China ได้มีประกาศห้ามสถาบันทางการเงินในประเทศทำธุรกรรมใดก็ตามด้วยบิทคอยน์ ส่งผลให้บิทคอยน์ล่วงอย่างหนักในปีถัดไป ราคาบิทคอยน์ ในปี 2014 ต่อมาบิทคอยน์ล่วงหล่นเหลือ $302 ในเดือนธันวาคม ซึ่งจะเห็นได้ว่าการลงทุนบิทคอยน์มีความผันผวนมาก ราคาบิทคอยน์ ในปี 2015 ในปีนี้ราคาบิทคอยน์ค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาปิดที่ $429 ภายในสิ้นปี ราคาบิทคอยน์ ในปี 2016 เกิด Bitcoin Halving ครั้งที่ 2 ช่วงก่อนการ Halving บิทคอยน์มีมูลค่าอยู่ที่ $644.44 ในสิ้นปีนี้เองบิทคอยน์ก็ค่อย ๆ ขยับขึ้นมาเรื่อย ๆ จนสูงสุดอยู่ที่ $958 ราคาบิทคอยน์ ในปี 2017 เดือนมี.ค.ราคา $1,290: เป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษจิกายนปี 2013 เดือนพ.ค. ราคา $2,000: ขยับแรงต่อเนื่องราคาสูงสุดเป็นครั้งแรก เดือนก.ย.ราคา $5,013.91: เป็นครั้งแรกที่ราคาทะลุ $5,000 เดือนพ.ย.ราคา $7,600 – $8,100 และสูงสุด $13,500: จากการแลกเปลี่ยน Golix ของซิมบับเวหลังจากกองกำลังของประเทศยึดอำนาจ ซึ่งราคาพุ่งสูงเกือบ 2 เท่าของราคาตลาดต่างประเทศ เดือนธ.ค.ราคา $13,800 – $19,783.06 : ราคาร่วงต่ำสุดในวันที่ 22 ธันวาคม 2017 ราคาบิทคอยน์ ในปี 2018 บิทคอยน์ได้ทำราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. อยู่ที่ $13,857 ต่อมาในเดือนธ.ค. เป็นช่วงราคาของบิทคอยน์ร่วงต่ำสุดของปีอยู่ที่ $3,122 ราคาบิทคอยน์ ในปี 2019 ถือว่าเป็นขาขึ้นของปีนี้เลยในขณะที่ราคาได้ทำจุดต่ำสุดพอดี แต่กลับกลายเป็นขาขึ้นในปีนี้เมื่อช่วงมี.ค. ราคานั้นพุ่งจาก $4,000 ไปแตะ $14,000 เมื่อช่วงเดือนมิ.ย. ส่งผลให้ตลาดขาลงได้สิ้นสุดลง ถือเป็นความโชคดีของนักลงทุน ราคาบิทคอยน์ ในปี 2020 มีการ Halving ของ Bitcoin เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 โดยช่วงต้นปี 2020 บิทคอยน์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $9,000 จากนั้นต่อมาราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่องและส่งท้ายปีด้วยระดับสูงสุดที่ $29,000 และเกิดเกตุการณ์ แพร่ระบาดของ COVID-19 อุตสาหกรรมต้องหยุดชะงัก ประเทศจึงต้องพยุงเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเงินเพิ่ม ทำให้นักลงทุนกังวลอาจเกิดปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง ต่างพากันถือสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ ซึ่งบิทคอยน์ก็เป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนเลือกเนื่องจากมีจำนวนจำกัด จนได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปีนี้ด้วย ราคาบิทคอยน์ ในปี 2021 ต้นปีบิทคอยน์กลายเป็นสินทรัพย์กระแสหลักที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยในเดือนธ.ค. มีมูลค่าทะลุเพดานอยู่ที่ $20,000 ก่อนจะพุงทะยานสู่ $30,000 ในเวลาเพียงสิบวัน ถือว่าสูงสุดในประวัติกาลเริ่มจากในช่วงปีนี้บิทคอยน์เริ่มเป็นที่รู้จักและเป็นที่พูดทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยด้วย เป็นผลต่อเนื่องมาจากวิกฤตโควิด ส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น MicroStrategy ที่เลือกถือ บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรอง หรือ Morgan Stanley ที่เริ่มให้บริการเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี เรียกได้ว่าเป็นปีที่มีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาในวงการกันมากมาย รวมถึงรัฐบาลประเทศเอลซัลวาดอร์ ที่เดินหน้าอนุมัติให้บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายเป็นประเทศแรกของโลก ส่งผลให้นักลงทุนกลับมามุมมองที่ดีต่อตลาดคริปโตเคอร์เรนซี แต่ในปีเดียวกันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้บิทคอยน์ผันผวนอยู่ตลอด เช่น เหตุการณ์ที่รัฐบาลจีนก็ได้ประกาศห้ามประกอบกิจการเกี่ยวกับการขุดคริปโตเคอร์เรนซีในประเทศ ส่งผลให้ราคาบิทคอยน์ลดลงอย่างรวดเร็ว ราคาบิทคอยน์ ในปี 2022 ต่อมาในปีนี้สินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ในสภาวะตลาดขาลง ในเดือน ก.ย. ราคาของบิทคอยน์อยู่ที่ $19,000 ซึ่งลดลงถึง 70% ไม่ใช่เฉพาะพี่ใหญ่ของวงการคริปโตฯ แต่สกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างเช่น Terra ที่มูลค่า -100% หรือแม้แต่ Ether, Solana, Cardano ก็ไม่สามารถหนีวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้ ราคาบิทคอยน์ ในปี 2023 เดือนมกราคม 2023 เหรียญ BTC มีการเปลี่ยนแปลเพิ่มขึ้น 83% ภายในวันที่ 10 เมษายน และไปแตะระดับสูงสุดที่ $31,035 จากนั้นระหว่างเดือนเมษายนถึงปลายเดือนกรกฎาคม Bitcoin ซื้อขายกันที่ประมาณ $30,000 ซึ่งเกือบจะแตะ $32,000 ด้วยความเชื่อมั่น ท่ามกลางกระแส Bitcoin ETFs ที่ถูกนำไปใช้จาก BlackRock และ Fidelity จากนั้นในช่วงกลางเดือนสิงหาคม Bitcoin ร่วงลงอย่างมากโดยสูญเสียมูลค่ามากกว่า 10% จนในหนึ่งสัปดาห์และผ่านจุดต่ำสุดที่ $25,000 จากนั้นร่วงลงอีกครั้งในช่วงกลางเดือนกันยายน ต่อมาในตุลาคมเห็นการซื้อขาย BTC ระหว่าง $26,000 ถึง $29.5k และแตะที่ $30,000 ครั้งหนึ่งด้วยรายงานเท็จของ Bitcoin ETF ที่ได้รับอนุมัติ รายงานนี้แสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของราคา BTC ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากการเก็งกำไร Bitcoin จากเหตุการณ์ ETF สุดท้ายแล้วราคาของเหรียญสิ้นสุดในปี 2023 เหนือระดับ $42,000 ซึ่งเพิ่มขึ้น 155% เมื่อเทียบราคาเป็นรายปี ราคาบิทคอยน์ ในปี 2024 Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติในเดือนมกราคม ปี 2024 และแม้ว่าราคาจะลดลงครั้งแรกเหลือเพียงไม่ถึง $40,000 แต่ Bitcoin ก็กลับขึ้นไปสูงกว่า $60,000ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ การไต่ขึ้นของ Bitcoin ยังคงดำเนินต่อไปในช่วงต้นเดือนมีนาคม โดยราคาขึ้นไปถึง $70,000 เป็นครั้งแรก และแตะ All time high ใหม่ที่ 73,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนมีนาคม 2024
News
-
MegaETH เปิดให้ลงทะเบียนเพื่อขอรับ testnet ETH เมื่อ Public Testnet เปิดตัว
News
-
IMG_5343
News
-
IMG_5342
News
-
IMG_5341
News
-
b99165d6cf87595aaaaf6d8fd5d59062
News
-
Soneium เตรียมแจก badge 2 รูปแบบ ในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม
News
-
มีรายงานว่าข้อมูลลูกค้าเกือบ 700,000 รายของ TOT Mobile รั่วไหลคาดถูกนำไปขายบนดาร์กเว็บ บริษัท TOT Mobile ผู้ให้บริการโทรคมนาคมของไทยกำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาว่ามีการรั่วไหลของข้อมูลลูกค้าครั้งใหญ่ หลังจากมีรายงานว่า ข้อมูลลูกค้า 679,000 ราย และข้อมูลบัตรประชาชน 182,000 รายการ ถูกนำไปเสนอขายบนดาร์กเว็บ รายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยโดย @DailyDarkWeb ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยไซเบอร์ โดยระบุว่าฐานข้อมูลที่ถูกแฮ็กมีการเสนอขายในราคาที่ไม่เปิดเผย และอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อความปลอดภัยทางดิจิทัลของประชาชนไทย ตามรายงานของ DailyDarkWeb ฐานข้อมูลที่หลุดออกมาประกอบไปด้วยข้อมูลสำคัญของลูกค้า ได้แก่ – ชื่อ-นามสกุลเต็ม – หมายเลขติดต่อ – ที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงิน – หมายเลขบัตรประชาชนที่ออกโดยรัฐบาล อาชญากรไซเบอร์อาจใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการโจมตีแบบฟิชชิง (Phishing) การสับเปลี่ยนซิม (SIM-swapping) และการปลอมแปลงเอกสารเพื่อขอสินเชื่อในนามของเหยื่อ ซึ่งปัญหาดังกล่าวกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทย บริษัท Resecurity ระบุว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทยกลายเป็น “สินค้ามูลค่าสูง” ในตลาดมืด โดยพบว่าการรั่วไหลของข้อมูลในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 40% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2023 เกิดเหตุซ้ำรอย! คล้ายกรณี Oppo Thailand เมื่อต้นปี เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจาก Oppo Thailand เผชิญกับการรั่วไหลของข้อมูลครั้งใหญ่ในเดือนมกราคม 2025 โดยมีข้อมูลลูกค้าและพนักงานปริมาณ 165GB ถูกนำออกมาขายบนดาร์กเว็บ หน่วยงานรัฐเร่งตรวจสอบ พร้อมแนะประชาชนป้องกันตัวเอง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย (PDPC) ได้เปิดการสอบสวนภายใต้ มาตรา 37 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งกำหนดให้ต้องแจ้งเหตุการรั่วไหลของข้อมูลภายใน 72 ชั่วโมง ขณะนี้ ศูนย์ Eagle Eye Centre ของ PDPC กำลังประสานงานกับ กองบัญชาการสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (CCIB) เพื่อติดตามต้นตอของการรั่วไหล คำแนะนำสำหรับประชาชน – เฝ้าระวังบัญชีธนาคารและธุรกรรมทางการเงิน – เปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication) – หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลหรือแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ – รายงานกิจกรรมที่น่าสงสัยต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ TOT Mobile ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์ดังกล่าว แต่คาดว่าทางบริษัทอาจต้องชี้แจงต่อหน่วยงานกำกับดูแลและประชาชนในเร็วๆ นี้
News
-
2 วันที่เหลือ กับภารกิจสุดท้าย "ตรวจสอบความเป็น ม นุ ษ ย์" เพื่อรับ 15m LiskHQ Airdrop
News
-
ลงทะเบียนรับสิทธิ์เคลม $BABY Airdrop จาก @babylonlabs_io
News
-
Linea ประกาศยอมรับกลายๆ ว่าอาจจำเป็นต้องเลื่อนเปิดตัว $LINEA จากเดิมที่วางแผนไว้ตอน Q1 สาเหตุเพราะยังเตรียมงานด้านเทคนิคไม่เสร็จ โดยชี้ว่าการเลื่อนนี้จะช่วยให้ Linea บรรลุเป้าหมายสู่เชนที่ยิ่งใหญ่ระดับทศวรรษ ทั้งนี้โพสต์ไม่ได้ระบุกรอบเวลาของการเลื่อนที่แน่ชัด
News
-
เคลม $KAITO
News
-
ทรัมป์จะ "เซ็ต" ระบบทองใหม่ ซึ่งมันจะเขย่าโลกทั้งใบ!!!!! ทรัมป์จะ⚠️re-peg⚠️ทองคำทั้งหมดที่รัฐบาลอเมริกาถือครองในท้องพระคลัง --- มันหมายความว่ากระไร??? 1.) ทรัมป์จะไล่นับทองในคลัง มีเท่าไหร่ จริงไหมตามที่แสดง (เขียนไปแล้ว) 2.) นับเพื่อ "ตีมูลค่า" ใหม่ ตรงนี้ใหญ่หลวงมากๆ ๆ ๆ ๆ ๆ และต้องดูด้วยว่าตีใหม่แล้ว เพื่อเอาไป "ทำอะไร" ต่อ ง่ายๆ เลย --- ปัจจุบัน กระทรวงการคลังแห่งสหรัฐอเมริกาอภิมหาอำนาจ ประเมินราคาทองคำ โดยตีเป็น 42 ดอลลาร์/ออนซ์ ; บัญญัติไว้ตั้งแต่ปี 1973 แล้ว ละคุณก็พอจะรู้ใช่ไหม ว่าปี 2025 ราคาทองไปถึงไหนแล้ว นาทีที่พิมพ์อยู่นี้ (วันที่ 20 กุมภาพันธ์ เวลา 16.26 นาที : 2,953.5 ดอลลาร์/ออนซ์) ฉะนั้น สมเหตุสมผลไหม ที่ทรัมป์จะปรับเกณฑ์ peg ใหม่ หลังจากที่ไม่มีใครทำเลย ตั้ง 5 ทศวรรษแล้ว!!!!! 42 กับ 2,953.5 --- ตัวเลขมันห่างไกลกันเกินไป เกินกว่าจะละเลยได้ ทำไมที่ผ่านมาไม่มีใครปรับ ? สาเหตุ เกรงจะยาวไป ว่ากันถึงผลลัพธ์เถิด บัญชีคุณเปลี่ยนทันใดเลยนะ รวยขึ้นมหึมามหาศาลมโหฬาร จากเดิม "ทุนสำรองระหว่างประเทศ" ที่เก็บในรูปทองคำ มีมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ จะทวีคูณพูนสวัสดิ์ เป็น 7.7 แสนล้านดอลลาร์ พองขึ้น 70 เท่า!!!!!!! ยิ่งกว่าราชรถมาเกย แต่สวรรค์มิได้ส่งมา --- เป็นทรัมป์เองที่สร้างราชรถนี้ขึ้นมาเอง ตรงนี้ ผมไม่กล้าคิดเอง ต้องสอบถามอาจารย์ผมที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ อาจารย์บอกว่า ประการแรกเลย ทองจะแพงขึ้น เพราะอเมริกา "ให้ค่า" ทองมากขึ้น กลับกัน ดอลลาร์จะด้อยลง เพราะคิดตื้นๆ คือถ้าจะหาเอาทองจำนวนเดิม หมายถึงต้องมีดอลลาร์มากขึ้นในการแลกมา (ใช่ ต่อให้มันคือราคาตลาด ที่ตลาดรู้กันอยู่แล้ว ที่เทรดกันขณะนี้อยู่แล้ว ราคาไม่ใหม่สำหรับตลาด --- แต่มันคือมาตรฐานใหม่ของประเทศอเมริกา มาตรฐานที่ไม่เคยใช้มาก่อน ดังนั้น น้ำหนัก กำลัง อิทธิพล ฯลฯ หรือจะใช้คำอะไรก็ตาม มันเสริมส่งความแรงของราคานี้ขึ้น) "ค่า" ของเงินดอลลลาร์จะลดลง "ค่าเงิน" ของดอลลาร์ก็จะอ่อนลง ประเด็นถัดมา คือ ถ้าอเมริกา re-peg ซึ่งมันส่งผลต่อบัญชีงบดุลที่พอกพูนขึ้น (และส่งผลต่อ ค่าของเงิน และ ค่าเงิน ดอลลาร์) แล้วประเทศอื่นๆ ล่ะ (ทุกๆ ประเทศก็ย่อมต้องอ้างอิงจากอเมริกา มากหรือน้อย) ทีนี้ ประเทศอื่นๆ ก็ต้องเคลื่อนการ peg ด้วยใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นการสะท้อนมูลค่าสินทรัพย์ของทุนสำรองระหว่างประเทศมันก็ไม่ shift ตามกันกับอเมริกา (ซึ่งแน่นอนว่าความสูงต่ำของมูลค่าทุนสำรองฯ ย่อมเชื่อมโยงถึงค่าเงินของสกุลท้องถิ่นนั้นโดยตรง) คำถาม คือ เราก็ไม่รู้ว่า แล้วแต่ละประเทศ peg กันยังไง (*ซึ่งเท่าที่คิดเองเออเอง มันไม่น่าจะต่ำเท่าอเมริกา ที่ 42 ดอลลาร์/ออนซ์ --- น่าจะค่อนข้างใกล้เคียงราคาตลาดกว่านั้น มีการปรับอย่างสม่ำเสมอ) เอาเข้าจริง แบงก์ชาติเราตีมูลค่าทองที่ราคาเท่าไหร่ ผมก็ไม่รู้นะครับ แล้วมันก็ยากตรงที่อเมริกาก็ไม่ได้ผูกค่าเงินกับการค้ำทองอยู่ดี --- ซึ่งนี่ก็น่าจะเป็นอีกเหตุใหญ่ใจความ ที่อเมริกาไม่จำต้องปรับ peg ให้มัน dynamic ตามราคาตลาดเท่าไหร่ (ยังไงก็ไม่ได้เอามาใช้มูลค่านี้เพื่อประโยชน์โพดผลอันใดนัก) พออเมริกาไม่ได้ผูกทองกับค่าเงิน แต่ประเทศอื่นๆ ที่แม้เชิงนโยบายไม่ได้ผูก แต่ในทางปฏิบัติ ทองก็ค้ำอยู่กลายๆ --- การจะไปปรับ peg ให้ได้มูลค่าตามอเมริกาก็ยิ่งไม่รู้จะกะยังไง ให้พอเหมาะพอสม อเมริกาทำงี้เพื่ออะไร หลังๆ หนี้มากเกินไป มากจนเกินรับไหว ทะลุเพดานแล้วทะลุเพดานอีก ไม่รู้จะยกเพดานลอยไปถึงไหนแล้ว งบดุลบัญชีที่จู่ๆ เป็นพะเนินขึ้นมา นั่นหมายถึงสถานะทางการคลังที่ดีขึ้น ถ้า ถ้า ถ้า ถ้าเอาออกมาใช้ ดังนั้น หมายความว่า ตีมูลค่าทองใหม่ แล้วก็ต้องเอาทองออกมา เพื่อจะได้เปลี่ยนเป็นเงินไปใช้ อเมริกาขายทองจากคลัง --- ถ้าตามทฤษฎีทั่วไป ปล่อย supply ออกมา ย่อมทำให้ราคาตกนะครับ แต่ผมกลับไม่มองงั้น เพราะเชื่อว่าโดย sentiment มันเพิ่มความสะพัดของทองอเมริกา และเป็นการติดปีกให้กับราคาทองจากท้องพระคลังอเมริกา คำว่า "ติดปีก" ปกติแล้วจะไม่เห็นภาพนะครับ แต่นี่เห็นเต็มตาเลย จาก 42 ดอลลาร์/ออนซ์ จะพุ่งปรี๊ดไปเป็นหลักพันดอลลาร์/ออนซ์ (ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าตั้งที่เท่าไหร่ ; ตอนนี้ ราคาตลาด ขณะที่พิมพ์ 2,953.5 ดอลลาร์/ออนซ์ --- แล้วจะตั้งใหม่หลักร้อย หลักพัน หรือกี่พันก็ยังไม่รู้ได้) หมายเหตุ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ถือครองทองคำ ไม่ใช่แบงก์ชาติ "เฟด" (*ประเทศไทย แบงก์ชาติ "ธปท." ถือ) แต่ "เฟด" จะมีบัญชีที่มูลค่าเทียบเท่ากับที่รัฐบาลถือ (ตามเกณฑ์ที่ peg) แล้วก็ออกเป็น "เครดิต" ที่รัฐบาล (กระทรวงการคลัง) แลกเอาเป็นดอลลาร์มาใช้ได้ โลกจะวุ่นวายสุดๆ นี่ขนาดแค่คิดคร่าวๆ เขียนคร่าวๆ ยังมีที่เกินกว่าจะจินตนาการแสนสลับซับซ้อนยุ่งยาก โปรดติดตาม
News
-
Caldera เปิดตัว $ERA โดยระบุว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ผ่าน retroactive airdrop
News
-
จำคุก 5 ปี ! นายเอกลาภ ยิ้มวิไล อดีตผู้บริหาร Zipmex ฐานฉ้อโกงประชาชน เสียหายกว่าพันล้าน วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาคดีที่มีผู้เสียหายรายหนึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 คือ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด ซึ่งเคยเป็นผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่โด่งดังและเป็นที่นิยมมากที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย และจำเลยที่ 2 คือ นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ซึ่งเป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พิพากษาลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นเงิน 100,000 บาท และ ลงโทษจำคุกนายเอกลาภ ยิ้มวิไล เป็นเวลา 5 ปี ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง โดยการอ่านคำพิพากษาคดีนี้ไม่ปรากฏการรอลงอาญาและจำเลยอาจอยู่ในช่วงการใช้สิทธิประกันตัว นายกิจจา จงขวัญยืน ตัวแทนผู้เสียหายกลุ่ม ‘ร่วมสู้ Zipmex’ ซึ่งได้ส่งทีมกฎหมายเข้าสังเกตการณ์ฟังคำพิพากษาวันนี้ เปิดเผยว่า ขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนตัวเล็กๆ ที่ลุกขึ้นสู้กับคนที่พวกพ้องมีอำนาจใหญ่โต และต้องขอบคุณเพื่อนผู้เสียหายและทีมทนายของผู้เสียหายที่เสียสละเดินหน้าฟ้องคดีอาญาไปก่อนจนทำให้เกิดความคืบหน้าวันนี้ โดยปัจจุบันมีผู้เสียหายรวมตัวกันแล้ว กว่า 700 ราย มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท และทางกลุ่มได้ร่วมมือกันยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม (consumer class action) โดยฟ้องจำเลย 23 ราย ทั้งในไทยและนอกประเทศเพื่อเรียกค่าเสียหายเพื่อการลงโทษรวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท “อำนาจไม่จีรัง ความยุติธรรมจีรังยั่งยืน” นายกิจจากล่าว ด้านนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้ก่อตั้งสำนักกฎหมาย VLA ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ตัวแทนกลุ่มร่วมสู้ Zipmex ที่ยื่นฟ้องคดีแพ่งแบบกลุ่มเปิดเผยว่า คดีนี้มีประชาชนเสียหายเป็นหมื่นราย แต่เรื่องผ่านมาเกือบสามปีกลับต้องให้ประชาชนไปแบกภาระฟ้องคดีอาญาเองจนชนะคดีในที่สุด แต่ก็เป็นผลคดีเฉพาะราย จึงขอให้ภาครัฐโดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เร่งดำเนินคดีอาญาแผ่นดินเอาผิดผู้เกี่ยวข้องซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่สองราย และเรียกความเป็นธรรมให้ผู้เสียหายทุกคนโดยเร็วที่สุด “เรามีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีผู้เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศร่วมมือกันหลอกลวงประชาชนให้หลงเข้าใจว่าสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าซิปเม็กซ์ได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย และไม่มีการนำไปใช้ในทางที่เสี่ยง แต่แท้จริงกลับนำสินทรัพย์ของผู้เสียหายไปใช้ในการกู้ยืมเงินในต่างประเทศโดยผิดกฎหมายเพื่อหวังกอบโกยประโยชน์ทางธุรกิจของพวกพ้อง จนลูกค้ากว่าหมื่นรายเสียหายร้ายแรง ผู้เกี่ยวข้องรายใดที่สำนึกผิด ขอให้รีบแสดงความจริงใจช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายให้เร็วที่สุด” นายวีรพัฒน์ กล่าวเสริม สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมทางกลุ่ม ‘ร่วมสู้ Zipmex’ กำลังประสานกับผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ในคดีนี้เพื่อนำคำพิพากษามาศึกษารายละเอียดต่อไป โดยผู้เสียหายที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารจากกลุ่มได้โดยเพิ่มเพื่อนที่ไลน์ทางการ ไอดี @SUZIPMEX
News
-
Ethereum ล่มหรอ
News
-
ใครหาแมวเจอ แสดงว่ายังไม่แก่
News
-
เช็ค $AVL Airdrop จาก avalon finance
News
-
Treehouse แดชบอร์ดตอนนี้รองรับแต้ม Nuts จากการถือ Pendle YT / LP แล้วนะครับ
News
-
รายงานจากแหล่งข่าวของ Wu Blockchain แจ้งว่า pump.fun มีแผนจะออกโทเค็น และเปิดขายแบบ Dutch auction โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับ CEX ต่างๆ : ที่ผ่านมา Pumpfun ทำรายได้จากค่าธรรมเนียมไปแล้วถึง $572 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้โอนเข้า $386.8m ไปที่ Kraken
News
-
อ่านจนตาลายบอกเลย
News
-
Berachain Mainnet RPC
News
-
Kaspersky เผยรายงานตรวจพบ "SparkCat" มัลแวร์เก็บข้อมูลจากรูปภาพ เกาะมากับหลายสิบแอปฯ บนอุปกรณ์ iOS คาดตั้งเป้าลงมือก่อเหตุในยุโรป-เอเชีย . Kaspersky ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสชื่อดัง เปิดเผยรายงานที่น่าสนใจเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์บนสมาร์ตโฟน เมื่อสามารถตรวจพบ “SparkCat” มัลแวร์ที่มีความสามารถในการจับข้อมูลส่วนตัวรวมถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของเราผ่านรูปภาพในเครื่องเราได้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำข้อมูลเกี่ยวกับ Crypto Wallet เช่น ข้อมูลส่วนตัว ไปจนถึงการนำเงินคริปโทของเรา ส่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์มิจฉาชีพต้นทาง . โดย SparkCat มีโมดูลอันตรายที่ใช้ Plug-In OCR สร้างโดย Library “ML Kit” ของ Google ทำให้สามารถทำงานตามรูปแบบดังกล่าวได้ ซึ่ง Kaspersky รายงานว่า พบมัลแวร์ SparkCat เริ่มใช้งานครั้งแรกเมื่อประมาณเดือนมีนาคม ปี 2024 และก่อนหน้านี้เมื่อปี 2023 พบว่ามีรายงานมัลแวร์ลักษณะคล้ายกันด้วย
News
-
อัปเดต Turbo Tap และแผนกระจายอำนาจ EclipseFND ใครที่เคย tap ตอนแรกๆ แล้วหยุดไป ตอนนี้ 1 เดือนผ่านมา มีความเคลื่อนไหวคือ ใครขี้เกียจ tap ก็เอาสินทรัพย์บริดจ์มาที่ Eclipse ยิ่งบริดจ์มาก ยิ่งได้ Passive Grass ต่อชั่วโมงมาก โดยสินทรัพย์ที่นับคือ ETH, tETH, apxETH, SOL, ezSOL, jitoSOL, kySOL, TIA, stTIA, USDC, USDT
News
-
erachain Boyco มาแล้ว พร้อมโอกาสรับ “โชคชั้นที่ 2” จาก Jumper Exchange
News
-
Nansen เตรียมเปิดตัว Points ตามรอบ Arkham หนึ่งในวิธีการได้รับ points ที่ยืนยันตอนนี้ คือการ stake โทเค็น เช่น $HYPE, $SOL, $SUI, $TIA, $ATOM, $OSMO ฯลฯ ซึ่งสามารถ stake ได้ผ่านช่องทางตามปกติ แต่ให้เลือก validator เป็น Nansen
News
-
ใครเคยใช้หรือมีประวัติกับ Fantom มาก่อน ควร bridge $FTM เป็น $S ไปที่ Sonic Labs เค้าบอกว่าการมีประวัติบน Fantom จะทำให้ได้รับสิทธิ์ $S airdrop
News
-
Nansen เตรียมเปิดตัว Points ตามรอบ Arkham หนึ่งในวิธีการได้รับ points ที่ยืนยันตอนนี้ คือการ stake โทเค็น เช่น $HYPE, $SOL, $SUI, $TIA, $ATOM, $OSMO ฯลฯ ซึ่งสามารถ stake ได้ผ่านช่องทางตามปกติ แต่ให้เลือก validator เป็น Nansen หรือจะทำผ่าน https://stake.nansen.ai ก็ได้ โดยใคร stake กับของเจ้าอื่นอยู่ ก็สามารถ redelegate หรือย้ายมา stake กับ Nansen ได้ การเก็ง Points อื่นๆ เช่น การ subscribe Nansen แบบเสียเงิน รวมถึงการเข้าไปใช้งาน, อายุบัญชีที่สมัครก็อาจส่งผล
News
-
เข้าร่วมเควสลุ้น 3 ผู้โชคดี คนละ 100K $G (คนละร่วมๆ 1 แสนบาท)
News
-
Binance Labs ประกาศรีแบรนด์เป็น YZiLabs (อ่านว่า easy labs) เพื่อความเป็นอิสระจาก Binance มากขึ้น พร้อมกับจะโฟกัสการลงทุนในอุตสาหกรรม AI และ Biotech นอกเหนือจากคริปโตเดิม : Ella Zhang จะกลับมารับตำแหน่ง Head of YZi Labs ขณะที่ CZ ก็จะมีหน้าที่เป็น “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” ที่จะให้คำปรึกษาแก่ founder และยังคงมีบทบาทในด้านการลงทุน (ในเว็บไซต์ระบุว่า CZ รับตำแหน่ง Intern) : มีการวิเคราะห์ว่านี่อาจเป็นวิธีที่ทำให้ CZ กลับมารันวงการได้ เพราะหนึ่งในดีลรับสารภาพคือ CZ จะต้องห้ามทำงานบริหารที่ Binance ตลอดชีวิต
News
-
เช็ค $ANIME airdrop จาก anime coin ผู้ได้สิทธิ์ - Azuki, Elementals and Beanz NFT - Top 12K $HYPE Stakers - Top Arbitrum Communities - Anime Communities
News
-
Claim $JUP Jupuary Airdrop จาก Jupiter Exchange
News
-
เช็คสถานะ POH ล่าสุดของ Linea
News
-
2 airdrop เช้านี้
News
-
2 airdrop เช้านี้
News
-
เข้าร่วมฟรี Linera Galxe Quest linera io เป็น real-time blockchain จุดเด่นคือการใช้แนวคิด "Microchains" ทำให้แต่ละเชนย่อยของ dApps ต่างๆ สามารถปรับแต่งประสิทธิภาพ block production ได้เองตามความเหมาะสม รองรับ WebAssembly (Wasm) และ Rust ได้รับการระดมทุนแล้ว $12M นำโดย Borderless Capital พร้อมกับ A16z, GSR, Tribe Capital etc. ปัจจุบันอยู่ในขั้น Devnet เปิดให้เฉพาะ developer เข้าทดสอบได้ ส่วน Testnet พร้อม wallet และ test token คาดว่าจะเกิดขึ้นใน Q2 ปีนี้
News
-
ใครใช้งาน GRVT ตามเงื่อนไข ไปเคลม 80 $ZK ได้แล้วครับ
News
-
Eigen Foundation ร่วมกับ ether fi และ aevo xyz ออกแคมเปญแจก 500,000 $EIGEN ตลอด 52 สัปดาห์ แจกสัปดาห์ละ 9,600 $EIGEN (~$32K USD/week) โดยแบ่งแจกเป็น 2 ก้อน ก้อนละ 4,800 $EIGEN ต่อสัปดาห์
News
-
เปิดเคลม $DUCK เลือกว่าจะเคลม on-chain เลย (TON network) หรือไม่ก็รอ public mainnet (5 ก.พ. แล้วได้บูสต์ +35%)
News
-
สรุป $FUEL Phase 2 Genesis Drop กับ Fuel Season 1 ที่กำลังจะมาถึง ก่อนหน้านี้ แอดสรุปว่าสัดส่วน Community จัดสรรที่ 20% ดังนั้นหัก Genesis Drop 10% จากรอบแรกออก จึงยังเหลืออีก 10% สำหรับอนาคต
News
-
เคลม $MNT จากแคมเปญ Layer3: Mantle Yield Lab เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว (รอบนี้ให้เยอะอยู่)
News
-
ใครเทพมาลองหน่อยงับ Venge online
News
-
Soneium Layer 2 จาก Sony เปิด Mainnet แล้ว
News
-
ใครเคลม Mode แล้วได้ OP ถือโดยไม่ได้ทำอะไรลองเช็คดูครับ
News
-
มีกี่ Point กันแล้วงับ ขิงหน่อย คอมเมนต์ใครมีเยอะสุด แอดมีรางวัลให้งับ
News
-
Quai Network หลังจากเคลม testnet faucet ไม่ได้ก่อนหน้านี้มาหลายวัน ตอนนี้สามารถเคลมได้ปกติแล้วครับ Quai เป็น PoW Blockchain ที่ใช้กลไก Proof-of-Entropy-Minima consensus ระดมทุนได้ $15m
News
-
Attention ในช่วงนี้สำหรับฝั่ง Stablecoin น่าจะกองอยู่กับ usual money ค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องการเติบโตที่ก้าวกระโดดของ TVL ช่วงเปิดตัวตอนแรก, Ponzinomics รวมถึงข่าว FUD USD0++ เมื่อวันก่อน Thread นี้ผมจะมาเล่า Overview ของ $USUAL ให้อ่านกัน รวมถึงอัปเดตเรื่อง FUD USD0++ ด้วย ซึ่ง $USUAL สามารถเทรดได้บน Binance TH ที่เดียวในไทยนะ สำหรับใครที่ยัง Still Bullish หลังจากที่อ่านดราม่ามาทั้งหมด ก็เผื่อไปเทรดกันได้ครับ $USUAL คือโปรเจกต์ RWA-backed Stablecoin โดยมี Stablecoin ของตัวเองชื่อว่า USD0 และใช้พันธบัตรัฐบาลสหรัฐฯ (US T-bills) เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน สินทรัพย์ค้ำประกันของ $USUAL นั้นไม่ได้เป็นการไปซื้อ US T-bills โดยตรง แต่เป็นการใช้ Stablecoin อย่าง USYC @Hashnote_Labs และ M^0 @m0foundation เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน โดย Stablecoin ทั้งสองเจ้านี้มีการเก็บ US T-bills โดยตรง $USUAL ได้รับ Attention เยอะมากในช่วง Launch เหรียญ เนื่องจากภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนหลังเปิดตัว Marketcap ของ USD0 โตขึ้นไปพีคที่ $1.8b Token ภายใน Ecosystem Usual ประกอบไปด้วย 3 เหรียญหลักๆได้แก่ USD0, USD0++ และ USUAL USD0 -> Stablecoin USD0++ -> USD0 ที่ถูกนำไป Stake เพื่อรับ Yield USUALx -> Staked $USUAL ทำหน้าที่เป็น Governance และรับ Yield USD0++ และ USUALx ให้ Yield ที่สูงมาก (USD0++ 26%/USUALx 203%) ซึ่ง Yield ที่สูงขนาดนี้เป็นผลมาจากการออกแบบ Tokenomics หลังบ้าน USD0++ USD0 สามารถนำไป Lock Stake ได้สูงสุด 4 ปีให้กลายเป็น USD0++ และเราสามารถเลือกรับ Yield ได้ 2 แบบคือ Reward เป็น $USUAL (26% APY) -> รับ Reward ได้ทุกวัน โดย Rewards จะถูก Auto-compound เป็น Yield-bearing รวมถึงสามารถ Transferable ได้ และถ้าต้องการ Unstake ก็ Swap ผ่าน Curve Pool ได้ "แทบจะ" 1:1 (USD0++/USD0) แต่ปัจจุบัน USD0++ มีเปลี่ยน Condition นิดหน่อย ไม่ได้ Swap ได้ในอัตรา 1:1 แล้ว ซึ่งเสียเปรียบพวกที่ Stake USD0 ในช่วงแรกมากๆ เดะเขียนต่อด้านล่าง Rewards เป็น USD0 (Yield จาก RWA : 4-5% APY) -> จะต้อง Lock Stake USD0 ขั้นต่ำ 6 เดือน และ Rewards USD0 ก็จะถูก Lock 6 เดือนด้วยเช่นกัน และหลังจาก 6 เดือนถึงเลือกว่าจะรับเป็น USD0 หรือ $USUAL ซึ่งจากที่เห็นผ่านๆมา ยังแทบไม่เคยเห็นคนรับ RWA Rewards เนื่องจากค่อนข้างต่ำและไม่คุ้มกับที่เงินโดนล็อค USUALx ได้ APY ~203% เป็น Rewards $USUAL ทั้งหมด (ปัจจุบันได้ Rewards จาก Tresury Fee Switch เพิ่มมาด้วย เดะเขียนต่อด้านล่าง) Unstake USUALx จะโดน 10% Fees Rewards $USUAL ได้มาจาก 2 ส่วนคือ $USUAL จาก Tokenomics 10% Supply ที่แจกให้ Stakers โดยตรง และ Fees 10% ที่เก็บจากคนที่ Unstake USUALx เมื่อ 7 มกราคมที่ผ่านมา Usual ประกาศทำ Fee Switch โดยจะเอา Protocol Real Revenue เฉลี่ยต่อเดือนที่ ~$5m มาแจกให้กับ USUALx Staker ในรูปแบบ USD0 โดย Fee Switch จะเริ่มใช้ก็ต่อเมื่อ USUALx Staker ถึงสัดส่วน 50% Supply แต่หากไม่ถึงก็จะเริ่มทันทีในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ทำให้ปัจจุบัน USUALx Staker จะได้รับ Rewards 2 ส่วน ได้แก่ $USUAL Rewards ~203% APY USD0 Rewards จาก Fee Switch ~81% APY ทั้งสองตัวเลขนี้เปลี่ยนได้เรื่อยๆตามจำนวนคนที่มา Stake USUALx และ Rewards แจกตาม Epoch ทุกเดือน ถ้าใครถอน USUALx ออกก่อน Rewards สองส่วนนี้จะเอาไปแจกให้คนที่ยังนั่งอยู่ รวมถึงอีกหนึ่งอัปเดตที่ค่อนข้างเป็นดราม่า คือการประกาศ Redeem USD0++ ให้อยู่ในอัตรา 0.87:1 จากเดิมที่ตอนแรก USD0++ สามารถ Redeem/Swap เป็น USD0 ได้ในอัตราแทบจะ 1:1 "0.87" ตัวเลขนี้มาจากการที่ Usual มองว่า USD0 ถูก Backed ด้วย US T-bills ซึ่งถ้าหากกำหนด Fair Value $0.87 จะเสมือนเป็น Zero-coupon Bond ที่ถ้าถือ USD0++ จนครบกำหนด 4 ปี มูลค่าก็ควรกลับไปที่ $1 ซึ่งถึงแม้ Usual จะกำหนดการ Redeem ได้ 2 แบบ ระหว่าง Redeem 1:1 แต่ Rewards อาจโดนริบบางส่วนหรือทั้งส่วน (Conditional Exit) หรือ Redeem โดยตรง แต่จะได้อัตราส่วน 0.87:1 (Unconditional Exit) แต่สิ่งนี้ก็ไม่แฟร์กับคนที่นำ USD0 ไป Stake ในตอนแรก เนื่องจากคนซื้อ USD0++ ที่ $1 แต่ถ้าจะ Redeem กลับ จะได้มูลค่าเพียงแค่ $0.87 รวมถึงการที่ทำให้คนเข้าใจว่า USD0++ คือ Yield-bearing Stablecoin ซึ่งถ้าไม่อยาก Miscommunicate ส่วนตัวก็มองว่าควรใช้เป็น Ticker อื่นที่ไม่ทำให้คนเข้าใจว่าเป็น Yield-bearing Stablecoin ถึงแม้ใน Docs จะเขียนว่าเป็น Liquid Bond ก็ตาม แต่ก็ทำให้คนเข้าใจผิดตั้งแต่ Swap 1:1 แล้ว หรือถ้าจะออกผ่านการ Swap USD0++ โดยตรงจาก Curve Pool จะได้มูลค่าคืนกลับแค่ ~$0.93 มื่อ 10 Jan -> Usual ได้ออกมาแถลง และบทสรุปของ Article นี้คือ "ชั้นแจ้งไปตั้งแต่แรกแล้วนะ" ว่าที่ผ่านมาคือโปรโมชั่น Early Unstaking 1:1 หลังจากนี้ถ้าจะ Unstake ก่อนจะโดน Burning $USUAL Rewards แต่สุดท้ายก็กลับมาโทษคอมมูว่าไม่อ่าน Docs ให้ละเอียด แต่อย่างที่บอกไป พาร์ทที่คอมมูด่าขนาดนี้ไม่ได้มาจากโดน Burn Rewards แต่มาจากการทำให้คอมมูเข้าใจว่า USD0++ มันคือ Yield Bearing ของ USD0 สรุปมุมมองส่วนตัว ในเชิง Sentiment $USUAL ตอนนี้ค่อนข้างไปทางลบมากๆ เนื่องจากการลด Fair Value ของ USD0++ แบบกระทันหันทำให้คนส่วนใหญ่เสียความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก ซึ่งถึงแม้ $USUAL จะขายความ RWA-backed ยังไง แต่จุดที่น่าจะล่อมือใหม่ได้ ก็คือ Issuanced จาก Rewards ที่ค่อนข้างเยอะ โดย $USUAL ก็ยังคง Model ความ Ponzi ตรงที่ - ถ้า Price Dips, Rewards Fee Switch จะถูก Boost - ถ้า TVL USD0++ หด USUALx ได้ APY เยอะขึ้น ฉะนั้นการที่มันกล้าไม่ Fair Play กับ USD0++ และเอา Benefit ทุกอย่างไปกองไว้กับ USUALx Staker เลยแอบคิดลึกๆว่าถ้ามันจะดันให้ Ponzi สุดๆ หลังจากนี้ APY คงจะแจกในอัตราที่สูงขึ้น + ให้ MM ปั้มราคาเหรียญ ล่อ Demand ให้กับ USUALx ระยะสั้น $USUAL ดูไม่ค่อยสวยเท่าไรเลย แต่ Long Term ต้องมารอดู Action จากทีมและราคาอีกทีครับ อย่างที่เรารู้กันใน Crypto Space ว่า Price is everything คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ใครที่อยากเทรด $USUAL ไปเทรด Spot หรือฟีเจอร์ Easy Buy/Sell ที่ BinanceTH ได้ครับ
News
-
ผู้ที่มีรายชื่อ Tokens หรือ NFTs ตามในภาพ ไปผูกกระเป๋าที่ เพื่อรอรับ $HENLO มีมคอยน์บน Berachain
News