Animalverse.social

Login Now

Create an account
  • Home
  • Blackmarketplace
  • Groups
  • Game
  • Watch
  • Jobs
  • Financial
  • Digital Assets
  • Login
  • Register

Paykalken

Profile picture of Paykalken<span class="bp-verified-badge"></span>

Paykalken

@0x04ae8ca7b2592bb65eb1ba489383336841507b0d

Active 1 week ago
  • Activity
  • Profile
  • Shop
  • Friends 146
  • Groups 17
  • Forums
  • Media 28
  • 146

    Friends

  • 17

    Groups

My photos
  • 639481903191552985069_2546
  • ChatGPT Image Jun 28, 2025, 09_01_53 PM
  • ChatGPT Image Jun 28, 2025, 09_01_53 PM
  • เศรษฐกิจไทย กำลังตกอันดับ Cebr คาด ‘ฟิลิปปินส์-เวียดนาม’ จ่อแซงในอีก 5 ปี เศรษฐกิจไทยจากที่เคยเป็นประกาศที่อยู่ในอันดับต้นๆของอาเซียนแต่ตอนนี้เรากำลังตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องด้วยทั้งนโยบายภาครัฐ ข้อกฏหมายที่ไม่สนับสนุนให้ประเทศไทยนั้นได้สร้างธุรกิจที่มูลค่ามหาศาลในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงได้ จึงจะเห็นได้ว่าสตาร์ทอัพระดับโลกของคนไทยนั้นแทบจะไม่มีเลย หรือรายเล็กๆก็มักจะถูกขายให้กับต่างชาตินำไปพัฒนาโตจนเติบโตและผูกขาดไปโดยปริยาย หรือแม้แต่ข้อกฏหมายในประเทศไทยที่แทบจะผูกขาดทางการค้าเอ้ออำนวยให้กับกลุ่มทุนเฉพาะกลุ่ม อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยโตต่ำต่อเนื่อง ทำให้ตกอันดับ กลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียนในปี 2022 และปี 2024 ตามหลัง อินโดนีเซียและสิงคโปร์และกำลังทรุดลงอย่างต่อเนื่อง ด้าน Cebr ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจในสหราชอาณาจักร คาด ฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนเวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี การเติบโตของเศรษฐกิจไทยรายไตรมาสที่โตรั้งท้ายเพื่อนบ้านอาเซียนติดต่อกันหลายไตรมาส เพิ่มความกังวลให้กับหลายฝ่ายว่า ไทยอาจสูญเสียตำแหน่งประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับต้นๆ ของภูมิภาคไป โดยในการประกาศ GDP ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาสที่ 2 ปี 2568) ไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตช้าสุดในอาเซียน หลังจากอัตราการเติบโตของไทยในปี 2567 ก็ต่ำสุดในอาเซียนเช่นกัน อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 เวียดนาม +8.0% ฟิลิปปินส์ +5.5% อินโดนีเซีย +5.1% สิงคโปร์ +4.4% มาเลเซีย +4.4% ไทย +2.8% อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนทั้งปี 2567 เวียดนาม: +7.1% ฟิลิปปินส์: +5.6% มาเลเซีย: +5.1% อินโดนีเซีย: +5% สิงคโปร์: +4% ไทย: 2.5% ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า ปัจจุบันไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียน เป็นรองเพียง อินโดนีเซีย และสิงคโปร์เท่านั้น โดยสิงคโปร์เพิ่งแซงไทย ขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียนได้ครั้งแรกในปี 2022 และตกเป็นรองไทย รั้งตำแหน่งเศรษฐกิจอันดับ 3 อีกครั้งเมื่อปี 2023 ก่อนจะกลับมาเป็นเศรษฐกิจอันดับ 2 ได้อีกครั้งในปี 2024 เปิดขนาดเศรษฐกิจประเทศสมาชิกอาเซียนปี 2024 (ข้อมูล World Bank) อินโดนีเซีย: 1,396,300.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สิงคโปร์: 547,386.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทย: 526,411.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เวียดนาม: 476,388.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฟิลิปปินส์: 461,617.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาเลเซีย: 421,972.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมียนมา: 74,079.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กัมพูชา: 46,352.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลาว: 16,502.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บรูไนดารุสซาลาม: 15,463.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เศรษฐกิจฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า เวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี ตามข้อมูลจากรายงาน WORLD ECONOMIC LEAGUE TABLE ฉบับล่าสุด ซึ่งเผยแพร่เมื่อธันวาคม 2024 ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (The Centre for Economics and Business Research: Cebr) ในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 31 ของโลกในปี 2024 (โดยมีขนาดเศรษฐกิจ 5.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ) อย่างไรก็ตาม Cebr คาดการณ์ว่า ฟิลิปปินส์ จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2029 ไปอยู่ที่อันดับ 28 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 6.94 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ เวียดนามจะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2034 ไปอยู่ที่อันดับ 27 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 9.83 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2029 และ 2034 นั้น Cebr คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะคงย่ำอยู่ที่อันดับเดิมคือ 31 ไปจนถึงปี 2039 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ Cebr ทำประมาณการไว้ ส่องอนาคตเศรษฐกิจไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนามใน 5 ปี 10 ปี และ 15 ปี ข้างหน้า Cebr กล่าวว่า ไทยถูกจัดเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง (upper-middle-income country) โดยในปี 2024 คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 25,212 ดอลลาร์สหรัฐ Cebr ยังระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อภาวะช็อกจากภายนอก เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ยังคงดำเนินต่อไป และนโยบายภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ดังนั้น การปฏิรูปเชิงโครงสร้างจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาการเติบโตในปัจจุบันไว้ เมื่อเผชิญกับความเปราะบางต่างๆ Cebr ยังคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของ GDP ไทยต่อปีจะชะลอตัวลงเหลือเฉลี่ย 2.7% ระหว่างปี 2025 ถึง 2039 และในอีก 15 ปีข้างหน้า Cebr คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะยังคงอยู่ในอันดับที่ 31 ใน World Economic League Table ฟิลิปปินส์ ณ ปี 2024 ฟิลิปปินส์คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 12,080 ดอลลาร์สหรัฐฯ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง Cebr คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของ GDP ฟิลิปปินส์ต่อปีจะเร่งขึ้นเป็นเฉลี่ย 6.3% ระหว่างปี 2025 ถึง 2029 อย่างไรก็ตาม การเติบโตคาดว่า จะลดลงเหลือเฉลี่ย 6.0% ต่อปีระหว่างปี 2030 ถึง 2039 ซึ่งการเติบโตที่น่าประทับใจนี้จะทำให้ฟิลิปปินส์แซงหน้าประเทศอื่น ๆ ใน World Economic League Table ตำแหน่งของฟิลิปปินส์จะดีขึ้นจากอันดับ 33 ในปี 2024 เป็นอันดับ 23 ภายในปี 2039 ซึ่งเป็นการพัฒนาขึ้นถึง 10 อันดับ เวียดนาม ในปี 2024 เวียดนามมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 16,193 ดอลลาร์สหรัฐ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง (lower-middle-income country) โดยCebr คาดว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า อัตราการเติบโตของ GDP เวียดนามเฉลี่ยต่อปี จะชะลอตัวลงเหลือ 5.8% ก่อนจะชะลอลงเหลือ 5.6% ต่อปีใน ระหว่างปี 2030 ถึง 2039 Cebr คาดการณ์ว่าตำแหน่งของเวียดนามจะดีขึ้นอย่างมากใน World Economic League Table โดยจะเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 34 ในปี 2024 เป็นอันดับที่ 25 ภายในปี 2039 สรุป เศรษฐกิจไทย กำลังตกต่ำ เศรษฐกิจไทยที่เคยเป็นผู้นำอาเซียน กำลังเผชิญภาวะถดถอยและตกอันดับต่อเนื่อง เนื่องจากนโยบายและกฎหมายในประเทศไม่เอื้อต่อการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทำให้สตาร์ทอัพไทยไม่สามารถเติบโตในระดับโลกได้ ขณะเดียวกันยังมีการผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยกลุ่มทุนบางกลุ่ม ส่งผลให้การเติบโตของ GDP ไทยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2024 ไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซียและสิงคโปร์ แต่มีอัตราการเติบโตต่ำที่สุดในภูมิภาค (ปี 2567 โตเพียง 2.5% และไตรมาส 2/2568 โต 2.8%) Cebr คาดว่า ฟิลิปปินส์จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2029 และเวียดนามจะแซงไทยในปี 2034 ไทยจะยังอยู่ที่อันดับ 31 ของโลกจนถึงปี 2039 ขณะที่ฟิลิปปินส์และเวียดนามจะขยับขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 23 และ 25 ตามลำดับ ไทยยังถูกจัดเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง แต่มีความเปราะบางต่อปัจจัยเสี่ยงภายนอก เช่น ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าระหว่างประเทศ Cebr คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเฉลี่ยเพียง 2.7% ต่อปีในอีก 15 ปีข้างหน้า เว้นแต่จะมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่จริงจัง กล่าวโดยสรุป ไทยกำลังสูญเสียความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในอาเซียน และหากไม่มีการปรับตัว ฟิลิปปินส์และเวียดนามจะแซงหน้าไทยในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ไทยอาจต้องเผชิญกับการเติบโตที่ชะลอตัวและความเปราะบางทางเศรษฐกิจต่อไป.
  • เศรษฐกิจไทย กำลังตกอันดับ Cebr คาด ‘ฟิลิปปินส์-เวียดนาม’ จ่อแซงในอีก 5 ปี เศรษฐกิจไทยจากที่เคยเป็นประกาศที่อยู่ในอันดับต้นๆของอาเซียนแต่ตอนนี้เรากำลังตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องด้วยทั้งนโยบายภาครัฐ ข้อกฏหมายที่ไม่สนับสนุนให้ประเทศไทยนั้นได้สร้างธุรกิจที่มูลค่ามหาศาลในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงได้ จึงจะเห็นได้ว่าสตาร์ทอัพระดับโลกของคนไทยนั้นแทบจะไม่มีเลย หรือรายเล็กๆก็มักจะถูกขายให้กับต่างชาตินำไปพัฒนาโตจนเติบโตและผูกขาดไปโดยปริยาย หรือแม้แต่ข้อกฏหมายในประเทศไทยที่แทบจะผูกขาดทางการค้าเอ้ออำนวยให้กับกลุ่มทุนเฉพาะกลุ่ม อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยโตต่ำต่อเนื่อง ทำให้ตกอันดับ กลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียนในปี 2022 และปี 2024 ตามหลัง อินโดนีเซียและสิงคโปร์และกำลังทรุดลงอย่างต่อเนื่อง ด้าน Cebr ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจในสหราชอาณาจักร คาด ฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนเวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี การเติบโตของเศรษฐกิจไทยรายไตรมาสที่โตรั้งท้ายเพื่อนบ้านอาเซียนติดต่อกันหลายไตรมาส เพิ่มความกังวลให้กับหลายฝ่ายว่า ไทยอาจสูญเสียตำแหน่งประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับต้นๆ ของภูมิภาคไป โดยในการประกาศ GDP ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาสที่ 2 ปี 2568) ไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตช้าสุดในอาเซียน หลังจากอัตราการเติบโตของไทยในปี 2567 ก็ต่ำสุดในอาเซียนเช่นกัน อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 เวียดนาม +8.0% ฟิลิปปินส์ +5.5% อินโดนีเซีย +5.1% สิงคโปร์ +4.4% มาเลเซีย +4.4% ไทย +2.8% อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนทั้งปี 2567 เวียดนาม: +7.1% ฟิลิปปินส์: +5.6% มาเลเซีย: +5.1% อินโดนีเซีย: +5% สิงคโปร์: +4% ไทย: 2.5% ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า ปัจจุบันไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียน เป็นรองเพียง อินโดนีเซีย และสิงคโปร์เท่านั้น โดยสิงคโปร์เพิ่งแซงไทย ขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียนได้ครั้งแรกในปี 2022 และตกเป็นรองไทย รั้งตำแหน่งเศรษฐกิจอันดับ 3 อีกครั้งเมื่อปี 2023 ก่อนจะกลับมาเป็นเศรษฐกิจอันดับ 2 ได้อีกครั้งในปี 2024 เปิดขนาดเศรษฐกิจประเทศสมาชิกอาเซียนปี 2024 (ข้อมูล World Bank) อินโดนีเซีย: 1,396,300.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สิงคโปร์: 547,386.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทย: 526,411.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เวียดนาม: 476,388.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฟิลิปปินส์: 461,617.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาเลเซีย: 421,972.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมียนมา: 74,079.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กัมพูชา: 46,352.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลาว: 16,502.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บรูไนดารุสซาลาม: 15,463.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เศรษฐกิจฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า เวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี ตามข้อมูลจากรายงาน WORLD ECONOMIC LEAGUE TABLE ฉบับล่าสุด ซึ่งเผยแพร่เมื่อธันวาคม 2024 ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (The Centre for Economics and Business Research: Cebr) ในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 31 ของโลกในปี 2024 (โดยมีขนาดเศรษฐกิจ 5.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ) อย่างไรก็ตาม Cebr คาดการณ์ว่า ฟิลิปปินส์ จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2029 ไปอยู่ที่อันดับ 28 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 6.94 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ เวียดนามจะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2034 ไปอยู่ที่อันดับ 27 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 9.83 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2029 และ 2034 นั้น Cebr คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะคงย่ำอยู่ที่อันดับเดิมคือ 31 ไปจนถึงปี 2039 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ Cebr ทำประมาณการไว้ ส่องอนาคตเศรษฐกิจไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนามใน 5 ปี 10 ปี และ 15 ปี ข้างหน้า Cebr กล่าวว่า ไทยถูกจัดเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง (upper-middle-income country) โดยในปี 2024 คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 25,212 ดอลลาร์สหรัฐ Cebr ยังระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อภาวะช็อกจากภายนอก เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ยังคงดำเนินต่อไป และนโยบายภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ดังนั้น การปฏิรูปเชิงโครงสร้างจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาการเติบโตในปัจจุบันไว้ เมื่อเผชิญกับความเปราะบางต่างๆ Cebr ยังคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของ GDP ไทยต่อปีจะชะลอตัวลงเหลือเฉลี่ย 2.7% ระหว่างปี 2025 ถึง 2039 และในอีก 15 ปีข้างหน้า Cebr คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะยังคงอยู่ในอันดับที่ 31 ใน World Economic League Table ฟิลิปปินส์ ณ ปี 2024 ฟิลิปปินส์คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 12,080 ดอลลาร์สหรัฐฯ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง Cebr คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของ GDP ฟิลิปปินส์ต่อปีจะเร่งขึ้นเป็นเฉลี่ย 6.3% ระหว่างปี 2025 ถึง 2029 อย่างไรก็ตาม การเติบโตคาดว่า จะลดลงเหลือเฉลี่ย 6.0% ต่อปีระหว่างปี 2030 ถึง 2039 ซึ่งการเติบโตที่น่าประทับใจนี้จะทำให้ฟิลิปปินส์แซงหน้าประเทศอื่น ๆ ใน World Economic League Table ตำแหน่งของฟิลิปปินส์จะดีขึ้นจากอันดับ 33 ในปี 2024 เป็นอันดับ 23 ภายในปี 2039 ซึ่งเป็นการพัฒนาขึ้นถึง 10 อันดับ เวียดนาม ในปี 2024 เวียดนามมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 16,193 ดอลลาร์สหรัฐ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง (lower-middle-income country) โดยCebr คาดว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า อัตราการเติบโตของ GDP เวียดนามเฉลี่ยต่อปี จะชะลอตัวลงเหลือ 5.8% ก่อนจะชะลอลงเหลือ 5.6% ต่อปีใน ระหว่างปี 2030 ถึง 2039 Cebr คาดการณ์ว่าตำแหน่งของเวียดนามจะดีขึ้นอย่างมากใน World Economic League Table โดยจะเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 34 ในปี 2024 เป็นอันดับที่ 25 ภายในปี 2039 สรุป เศรษฐกิจไทย กำลังตกต่ำ เศรษฐกิจไทยที่เคยเป็นผู้นำอาเซียน กำลังเผชิญภาวะถดถอยและตกอันดับต่อเนื่อง เนื่องจากนโยบายและกฎหมายในประเทศไม่เอื้อต่อการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทำให้สตาร์ทอัพไทยไม่สามารถเติบโตในระดับโลกได้ ขณะเดียวกันยังมีการผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยกลุ่มทุนบางกลุ่ม ส่งผลให้การเติบโตของ GDP ไทยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2024 ไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซียและสิงคโปร์ แต่มีอัตราการเติบโตต่ำที่สุดในภูมิภาค (ปี 2567 โตเพียง 2.5% และไตรมาส 2/2568 โต 2.8%) Cebr คาดว่า ฟิลิปปินส์จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2029 และเวียดนามจะแซงไทยในปี 2034 ไทยจะยังอยู่ที่อันดับ 31 ของโลกจนถึงปี 2039 ขณะที่ฟิลิปปินส์และเวียดนามจะขยับขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 23 และ 25 ตามลำดับ ไทยยังถูกจัดเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง แต่มีความเปราะบางต่อปัจจัยเสี่ยงภายนอก เช่น ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าระหว่างประเทศ Cebr คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเฉลี่ยเพียง 2.7% ต่อปีในอีก 15 ปีข้างหน้า เว้นแต่จะมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่จริงจัง กล่าวโดยสรุป ไทยกำลังสูญเสียความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในอาเซียน และหากไม่มีการปรับตัว ฟิลิปปินส์และเวียดนามจะแซงหน้าไทยในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ไทยอาจต้องเผชิญกับการเติบโตที่ชะลอตัวและความเปราะบางทางเศรษฐกิจต่อไป.
  • เศรษฐกิจไทย กำลังตกอันดับ Cebr คาด ‘ฟิลิปปินส์-เวียดนาม’ จ่อแซงในอีก 5 ปี เศรษฐกิจไทยจากที่เคยเป็นประกาศที่อยู่ในอันดับต้นๆของอาเซียนแต่ตอนนี้เรากำลังตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องด้วยทั้งนโยบายภาครัฐ ข้อกฏหมายที่ไม่สนับสนุนให้ประเทศไทยนั้นได้สร้างธุรกิจที่มูลค่ามหาศาลในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงได้ จึงจะเห็นได้ว่าสตาร์ทอัพระดับโลกของคนไทยนั้นแทบจะไม่มีเลย หรือรายเล็กๆก็มักจะถูกขายให้กับต่างชาตินำไปพัฒนาโตจนเติบโตและผูกขาดไปโดยปริยาย หรือแม้แต่ข้อกฏหมายในประเทศไทยที่แทบจะผูกขาดทางการค้าเอ้ออำนวยให้กับกลุ่มทุนเฉพาะกลุ่ม อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยโตต่ำต่อเนื่อง ทำให้ตกอันดับ กลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียนในปี 2022 และปี 2024 ตามหลัง อินโดนีเซียและสิงคโปร์และกำลังทรุดลงอย่างต่อเนื่อง ด้าน Cebr ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจในสหราชอาณาจักร คาด ฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนเวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี การเติบโตของเศรษฐกิจไทยรายไตรมาสที่โตรั้งท้ายเพื่อนบ้านอาเซียนติดต่อกันหลายไตรมาส เพิ่มความกังวลให้กับหลายฝ่ายว่า ไทยอาจสูญเสียตำแหน่งประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับต้นๆ ของภูมิภาคไป โดยในการประกาศ GDP ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาสที่ 2 ปี 2568) ไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตช้าสุดในอาเซียน หลังจากอัตราการเติบโตของไทยในปี 2567 ก็ต่ำสุดในอาเซียนเช่นกัน อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 เวียดนาม +8.0% ฟิลิปปินส์ +5.5% อินโดนีเซีย +5.1% สิงคโปร์ +4.4% มาเลเซีย +4.4% ไทย +2.8% อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนทั้งปี 2567 เวียดนาม: +7.1% ฟิลิปปินส์: +5.6% มาเลเซีย: +5.1% อินโดนีเซีย: +5% สิงคโปร์: +4% ไทย: 2.5% ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า ปัจจุบันไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียน เป็นรองเพียง อินโดนีเซีย และสิงคโปร์เท่านั้น โดยสิงคโปร์เพิ่งแซงไทย ขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียนได้ครั้งแรกในปี 2022 และตกเป็นรองไทย รั้งตำแหน่งเศรษฐกิจอันดับ 3 อีกครั้งเมื่อปี 2023 ก่อนจะกลับมาเป็นเศรษฐกิจอันดับ 2 ได้อีกครั้งในปี 2024 เปิดขนาดเศรษฐกิจประเทศสมาชิกอาเซียนปี 2024 (ข้อมูล World Bank) อินโดนีเซีย: 1,396,300.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สิงคโปร์: 547,386.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทย: 526,411.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เวียดนาม: 476,388.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฟิลิปปินส์: 461,617.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาเลเซีย: 421,972.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมียนมา: 74,079.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กัมพูชา: 46,352.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลาว: 16,502.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บรูไนดารุสซาลาม: 15,463.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เศรษฐกิจฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า เวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี ตามข้อมูลจากรายงาน WORLD ECONOMIC LEAGUE TABLE ฉบับล่าสุด ซึ่งเผยแพร่เมื่อธันวาคม 2024 ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (The Centre for Economics and Business Research: Cebr) ในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 31 ของโลกในปี 2024 (โดยมีขนาดเศรษฐกิจ 5.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ) อย่างไรก็ตาม Cebr คาดการณ์ว่า ฟิลิปปินส์ จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2029 ไปอยู่ที่อันดับ 28 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 6.94 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ เวียดนามจะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2034 ไปอยู่ที่อันดับ 27 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 9.83 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2029 และ 2034 นั้น Cebr คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะคงย่ำอยู่ที่อันดับเดิมคือ 31 ไปจนถึงปี 2039 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ Cebr ทำประมาณการไว้ ส่องอนาคตเศรษฐกิจไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนามใน 5 ปี 10 ปี และ 15 ปี ข้างหน้า Cebr กล่าวว่า ไทยถูกจัดเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง (upper-middle-income country) โดยในปี 2024 คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 25,212 ดอลลาร์สหรัฐ Cebr ยังระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อภาวะช็อกจากภายนอก เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ยังคงดำเนินต่อไป และนโยบายภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ดังนั้น การปฏิรูปเชิงโครงสร้างจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาการเติบโตในปัจจุบันไว้ เมื่อเผชิญกับความเปราะบางต่างๆ Cebr ยังคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของ GDP ไทยต่อปีจะชะลอตัวลงเหลือเฉลี่ย 2.7% ระหว่างปี 2025 ถึง 2039 และในอีก 15 ปีข้างหน้า Cebr คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะยังคงอยู่ในอันดับที่ 31 ใน World Economic League Table ฟิลิปปินส์ ณ ปี 2024 ฟิลิปปินส์คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 12,080 ดอลลาร์สหรัฐฯ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง Cebr คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของ GDP ฟิลิปปินส์ต่อปีจะเร่งขึ้นเป็นเฉลี่ย 6.3% ระหว่างปี 2025 ถึง 2029 อย่างไรก็ตาม การเติบโตคาดว่า จะลดลงเหลือเฉลี่ย 6.0% ต่อปีระหว่างปี 2030 ถึง 2039 ซึ่งการเติบโตที่น่าประทับใจนี้จะทำให้ฟิลิปปินส์แซงหน้าประเทศอื่น ๆ ใน World Economic League Table ตำแหน่งของฟิลิปปินส์จะดีขึ้นจากอันดับ 33 ในปี 2024 เป็นอันดับ 23 ภายในปี 2039 ซึ่งเป็นการพัฒนาขึ้นถึง 10 อันดับ เวียดนาม ในปี 2024 เวียดนามมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 16,193 ดอลลาร์สหรัฐ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง (lower-middle-income country) โดยCebr คาดว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า อัตราการเติบโตของ GDP เวียดนามเฉลี่ยต่อปี จะชะลอตัวลงเหลือ 5.8% ก่อนจะชะลอลงเหลือ 5.6% ต่อปีใน ระหว่างปี 2030 ถึง 2039 Cebr คาดการณ์ว่าตำแหน่งของเวียดนามจะดีขึ้นอย่างมากใน World Economic League Table โดยจะเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 34 ในปี 2024 เป็นอันดับที่ 25 ภายในปี 2039 สรุป เศรษฐกิจไทย กำลังตกต่ำ เศรษฐกิจไทยที่เคยเป็นผู้นำอาเซียน กำลังเผชิญภาวะถดถอยและตกอันดับต่อเนื่อง เนื่องจากนโยบายและกฎหมายในประเทศไม่เอื้อต่อการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทำให้สตาร์ทอัพไทยไม่สามารถเติบโตในระดับโลกได้ ขณะเดียวกันยังมีการผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยกลุ่มทุนบางกลุ่ม ส่งผลให้การเติบโตของ GDP ไทยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2024 ไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซียและสิงคโปร์ แต่มีอัตราการเติบโตต่ำที่สุดในภูมิภาค (ปี 2567 โตเพียง 2.5% และไตรมาส 2/2568 โต 2.8%) Cebr คาดว่า ฟิลิปปินส์จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2029 และเวียดนามจะแซงไทยในปี 2034 ไทยจะยังอยู่ที่อันดับ 31 ของโลกจนถึงปี 2039 ขณะที่ฟิลิปปินส์และเวียดนามจะขยับขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 23 และ 25 ตามลำดับ ไทยยังถูกจัดเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง แต่มีความเปราะบางต่อปัจจัยเสี่ยงภายนอก เช่น ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าระหว่างประเทศ Cebr คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเฉลี่ยเพียง 2.7% ต่อปีในอีก 15 ปีข้างหน้า เว้นแต่จะมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่จริงจัง กล่าวโดยสรุป ไทยกำลังสูญเสียความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในอาเซียน และหากไม่มีการปรับตัว ฟิลิปปินส์และเวียดนามจะแซงหน้าไทยในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ไทยอาจต้องเผชิญกับการเติบโตที่ชะลอตัวและความเปราะบางทางเศรษฐกิจต่อไป.
  • เศรษฐกิจไทย กำลังตกอันดับ Cebr คาด ‘ฟิลิปปินส์-เวียดนาม’ จ่อแซงในอีก 5 ปี เศรษฐกิจไทยจากที่เคยเป็นประกาศที่อยู่ในอันดับต้นๆของอาเซียนแต่ตอนนี้เรากำลังตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องด้วยทั้งนโยบายภาครัฐ ข้อกฏหมายที่ไม่สนับสนุนให้ประเทศไทยนั้นได้สร้างธุรกิจที่มูลค่ามหาศาลในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงได้ จึงจะเห็นได้ว่าสตาร์ทอัพระดับโลกของคนไทยนั้นแทบจะไม่มีเลย หรือรายเล็กๆก็มักจะถูกขายให้กับต่างชาตินำไปพัฒนาโตจนเติบโตและผูกขาดไปโดยปริยาย หรือแม้แต่ข้อกฏหมายในประเทศไทยที่แทบจะผูกขาดทางการค้าเอ้ออำนวยให้กับกลุ่มทุนเฉพาะกลุ่ม อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยโตต่ำต่อเนื่อง ทำให้ตกอันดับ กลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียนในปี 2022 และปี 2024 ตามหลัง อินโดนีเซียและสิงคโปร์และกำลังทรุดลงอย่างต่อเนื่อง ด้าน Cebr ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจในสหราชอาณาจักร คาด ฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนเวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี การเติบโตของเศรษฐกิจไทยรายไตรมาสที่โตรั้งท้ายเพื่อนบ้านอาเซียนติดต่อกันหลายไตรมาส เพิ่มความกังวลให้กับหลายฝ่ายว่า ไทยอาจสูญเสียตำแหน่งประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับต้นๆ ของภูมิภาคไป โดยในการประกาศ GDP ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาสที่ 2 ปี 2568) ไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตช้าสุดในอาเซียน หลังจากอัตราการเติบโตของไทยในปี 2567 ก็ต่ำสุดในอาเซียนเช่นกัน อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 เวียดนาม +8.0% ฟิลิปปินส์ +5.5% อินโดนีเซีย +5.1% สิงคโปร์ +4.4% มาเลเซีย +4.4% ไทย +2.8% อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนทั้งปี 2567 เวียดนาม: +7.1% ฟิลิปปินส์: +5.6% มาเลเซีย: +5.1% อินโดนีเซีย: +5% สิงคโปร์: +4% ไทย: 2.5% ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า ปัจจุบันไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียน เป็นรองเพียง อินโดนีเซีย และสิงคโปร์เท่านั้น โดยสิงคโปร์เพิ่งแซงไทย ขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียนได้ครั้งแรกในปี 2022 และตกเป็นรองไทย รั้งตำแหน่งเศรษฐกิจอันดับ 3 อีกครั้งเมื่อปี 2023 ก่อนจะกลับมาเป็นเศรษฐกิจอันดับ 2 ได้อีกครั้งในปี 2024 เปิดขนาดเศรษฐกิจประเทศสมาชิกอาเซียนปี 2024 (ข้อมูล World Bank) อินโดนีเซีย: 1,396,300.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สิงคโปร์: 547,386.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทย: 526,411.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เวียดนาม: 476,388.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฟิลิปปินส์: 461,617.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาเลเซีย: 421,972.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมียนมา: 74,079.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กัมพูชา: 46,352.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลาว: 16,502.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บรูไนดารุสซาลาม: 15,463.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เศรษฐกิจฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า เวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี ตามข้อมูลจากรายงาน WORLD ECONOMIC LEAGUE TABLE ฉบับล่าสุด ซึ่งเผยแพร่เมื่อธันวาคม 2024 ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (The Centre for Economics and Business Research: Cebr) ในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 31 ของโลกในปี 2024 (โดยมีขนาดเศรษฐกิจ 5.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ) อย่างไรก็ตาม Cebr คาดการณ์ว่า ฟิลิปปินส์ จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2029 ไปอยู่ที่อันดับ 28 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 6.94 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ เวียดนามจะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2034 ไปอยู่ที่อันดับ 27 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 9.83 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2029 และ 2034 นั้น Cebr คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะคงย่ำอยู่ที่อันดับเดิมคือ 31 ไปจนถึงปี 2039 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ Cebr ทำประมาณการไว้ ส่องอนาคตเศรษฐกิจไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนามใน 5 ปี 10 ปี และ 15 ปี ข้างหน้า Cebr กล่าวว่า ไทยถูกจัดเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง (upper-middle-income country) โดยในปี 2024 คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 25,212 ดอลลาร์สหรัฐ Cebr ยังระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อภาวะช็อกจากภายนอก เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ยังคงดำเนินต่อไป และนโยบายภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ดังนั้น การปฏิรูปเชิงโครงสร้างจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาการเติบโตในปัจจุบันไว้ เมื่อเผชิญกับความเปราะบางต่างๆ Cebr ยังคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของ GDP ไทยต่อปีจะชะลอตัวลงเหลือเฉลี่ย 2.7% ระหว่างปี 2025 ถึง 2039 และในอีก 15 ปีข้างหน้า Cebr คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะยังคงอยู่ในอันดับที่ 31 ใน World Economic League Table ฟิลิปปินส์ ณ ปี 2024 ฟิลิปปินส์คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 12,080 ดอลลาร์สหรัฐฯ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง Cebr คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของ GDP ฟิลิปปินส์ต่อปีจะเร่งขึ้นเป็นเฉลี่ย 6.3% ระหว่างปี 2025 ถึง 2029 อย่างไรก็ตาม การเติบโตคาดว่า จะลดลงเหลือเฉลี่ย 6.0% ต่อปีระหว่างปี 2030 ถึง 2039 ซึ่งการเติบโตที่น่าประทับใจนี้จะทำให้ฟิลิปปินส์แซงหน้าประเทศอื่น ๆ ใน World Economic League Table ตำแหน่งของฟิลิปปินส์จะดีขึ้นจากอันดับ 33 ในปี 2024 เป็นอันดับ 23 ภายในปี 2039 ซึ่งเป็นการพัฒนาขึ้นถึง 10 อันดับ เวียดนาม ในปี 2024 เวียดนามมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 16,193 ดอลลาร์สหรัฐ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง (lower-middle-income country) โดยCebr คาดว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า อัตราการเติบโตของ GDP เวียดนามเฉลี่ยต่อปี จะชะลอตัวลงเหลือ 5.8% ก่อนจะชะลอลงเหลือ 5.6% ต่อปีใน ระหว่างปี 2030 ถึง 2039 Cebr คาดการณ์ว่าตำแหน่งของเวียดนามจะดีขึ้นอย่างมากใน World Economic League Table โดยจะเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 34 ในปี 2024 เป็นอันดับที่ 25 ภายในปี 2039 สรุป เศรษฐกิจไทย กำลังตกต่ำ เศรษฐกิจไทยที่เคยเป็นผู้นำอาเซียน กำลังเผชิญภาวะถดถอยและตกอันดับต่อเนื่อง เนื่องจากนโยบายและกฎหมายในประเทศไม่เอื้อต่อการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทำให้สตาร์ทอัพไทยไม่สามารถเติบโตในระดับโลกได้ ขณะเดียวกันยังมีการผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยกลุ่มทุนบางกลุ่ม ส่งผลให้การเติบโตของ GDP ไทยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2024 ไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซียและสิงคโปร์ แต่มีอัตราการเติบโตต่ำที่สุดในภูมิภาค (ปี 2567 โตเพียง 2.5% และไตรมาส 2/2568 โต 2.8%) Cebr คาดว่า ฟิลิปปินส์จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2029 และเวียดนามจะแซงไทยในปี 2034 ไทยจะยังอยู่ที่อันดับ 31 ของโลกจนถึงปี 2039 ขณะที่ฟิลิปปินส์และเวียดนามจะขยับขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 23 และ 25 ตามลำดับ ไทยยังถูกจัดเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง แต่มีความเปราะบางต่อปัจจัยเสี่ยงภายนอก เช่น ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าระหว่างประเทศ Cebr คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเฉลี่ยเพียง 2.7% ต่อปีในอีก 15 ปีข้างหน้า เว้นแต่จะมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่จริงจัง กล่าวโดยสรุป ไทยกำลังสูญเสียความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในอาเซียน และหากไม่มีการปรับตัว ฟิลิปปินส์และเวียดนามจะแซงหน้าไทยในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ไทยอาจต้องเผชิญกับการเติบโตที่ชะลอตัวและความเปราะบางทางเศรษฐกิจต่อไป.
  • เศรษฐกิจไทย กำลังตกอันดับ Cebr คาด ‘ฟิลิปปินส์-เวียดนาม’ จ่อแซงในอีก 5 ปี เศรษฐกิจไทยจากที่เคยเป็นประกาศที่อยู่ในอันดับต้นๆของอาเซียนแต่ตอนนี้เรากำลังตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องด้วยทั้งนโยบายภาครัฐ ข้อกฏหมายที่ไม่สนับสนุนให้ประเทศไทยนั้นได้สร้างธุรกิจที่มูลค่ามหาศาลในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงได้ จึงจะเห็นได้ว่าสตาร์ทอัพระดับโลกของคนไทยนั้นแทบจะไม่มีเลย หรือรายเล็กๆก็มักจะถูกขายให้กับต่างชาตินำไปพัฒนาโตจนเติบโตและผูกขาดไปโดยปริยาย หรือแม้แต่ข้อกฏหมายในประเทศไทยที่แทบจะผูกขาดทางการค้าเอ้ออำนวยให้กับกลุ่มทุนเฉพาะกลุ่ม อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยโตต่ำต่อเนื่อง ทำให้ตกอันดับ กลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียนในปี 2022 และปี 2024 ตามหลัง อินโดนีเซียและสิงคโปร์และกำลังทรุดลงอย่างต่อเนื่อง ด้าน Cebr ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจในสหราชอาณาจักร คาด ฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนเวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี การเติบโตของเศรษฐกิจไทยรายไตรมาสที่โตรั้งท้ายเพื่อนบ้านอาเซียนติดต่อกันหลายไตรมาส เพิ่มความกังวลให้กับหลายฝ่ายว่า ไทยอาจสูญเสียตำแหน่งประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับต้นๆ ของภูมิภาคไป โดยในการประกาศ GDP ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาสที่ 2 ปี 2568) ไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตช้าสุดในอาเซียน หลังจากอัตราการเติบโตของไทยในปี 2567 ก็ต่ำสุดในอาเซียนเช่นกัน อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 เวียดนาม +8.0% ฟิลิปปินส์ +5.5% อินโดนีเซีย +5.1% สิงคโปร์ +4.4% มาเลเซีย +4.4% ไทย +2.8% อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนทั้งปี 2567 เวียดนาม: +7.1% ฟิลิปปินส์: +5.6% มาเลเซีย: +5.1% อินโดนีเซีย: +5% สิงคโปร์: +4% ไทย: 2.5% ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า ปัจจุบันไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียน เป็นรองเพียง อินโดนีเซีย และสิงคโปร์เท่านั้น โดยสิงคโปร์เพิ่งแซงไทย ขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียนได้ครั้งแรกในปี 2022 และตกเป็นรองไทย รั้งตำแหน่งเศรษฐกิจอันดับ 3 อีกครั้งเมื่อปี 2023 ก่อนจะกลับมาเป็นเศรษฐกิจอันดับ 2 ได้อีกครั้งในปี 2024 เปิดขนาดเศรษฐกิจประเทศสมาชิกอาเซียนปี 2024 (ข้อมูล World Bank) อินโดนีเซีย: 1,396,300.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สิงคโปร์: 547,386.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทย: 526,411.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เวียดนาม: 476,388.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฟิลิปปินส์: 461,617.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาเลเซีย: 421,972.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมียนมา: 74,079.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กัมพูชา: 46,352.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลาว: 16,502.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บรูไนดารุสซาลาม: 15,463.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เศรษฐกิจฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า เวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี ตามข้อมูลจากรายงาน WORLD ECONOMIC LEAGUE TABLE ฉบับล่าสุด ซึ่งเผยแพร่เมื่อธันวาคม 2024 ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (The Centre for Economics and Business Research: Cebr) ในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 31 ของโลกในปี 2024 (โดยมีขนาดเศรษฐกิจ 5.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ) อย่างไรก็ตาม Cebr คาดการณ์ว่า ฟิลิปปินส์ จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2029 ไปอยู่ที่อันดับ 28 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 6.94 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ เวียดนามจะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2034 ไปอยู่ที่อันดับ 27 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 9.83 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2029 และ 2034 นั้น Cebr คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะคงย่ำอยู่ที่อันดับเดิมคือ 31 ไปจนถึงปี 2039 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ Cebr ทำประมาณการไว้ ส่องอนาคตเศรษฐกิจไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนามใน 5 ปี 10 ปี และ 15 ปี ข้างหน้า Cebr กล่าวว่า ไทยถูกจัดเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง (upper-middle-income country) โดยในปี 2024 คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 25,212 ดอลลาร์สหรัฐ Cebr ยังระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อภาวะช็อกจากภายนอก เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ยังคงดำเนินต่อไป และนโยบายภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ดังนั้น การปฏิรูปเชิงโครงสร้างจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาการเติบโตในปัจจุบันไว้ เมื่อเผชิญกับความเปราะบางต่างๆ Cebr ยังคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของ GDP ไทยต่อปีจะชะลอตัวลงเหลือเฉลี่ย 2.7% ระหว่างปี 2025 ถึง 2039 และในอีก 15 ปีข้างหน้า Cebr คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะยังคงอยู่ในอันดับที่ 31 ใน World Economic League Table ฟิลิปปินส์ ณ ปี 2024 ฟิลิปปินส์คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 12,080 ดอลลาร์สหรัฐฯ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง Cebr คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของ GDP ฟิลิปปินส์ต่อปีจะเร่งขึ้นเป็นเฉลี่ย 6.3% ระหว่างปี 2025 ถึง 2029 อย่างไรก็ตาม การเติบโตคาดว่า จะลดลงเหลือเฉลี่ย 6.0% ต่อปีระหว่างปี 2030 ถึง 2039 ซึ่งการเติบโตที่น่าประทับใจนี้จะทำให้ฟิลิปปินส์แซงหน้าประเทศอื่น ๆ ใน World Economic League Table ตำแหน่งของฟิลิปปินส์จะดีขึ้นจากอันดับ 33 ในปี 2024 เป็นอันดับ 23 ภายในปี 2039 ซึ่งเป็นการพัฒนาขึ้นถึง 10 อันดับ เวียดนาม ในปี 2024 เวียดนามมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 16,193 ดอลลาร์สหรัฐ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง (lower-middle-income country) โดยCebr คาดว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า อัตราการเติบโตของ GDP เวียดนามเฉลี่ยต่อปี จะชะลอตัวลงเหลือ 5.8% ก่อนจะชะลอลงเหลือ 5.6% ต่อปีใน ระหว่างปี 2030 ถึง 2039 Cebr คาดการณ์ว่าตำแหน่งของเวียดนามจะดีขึ้นอย่างมากใน World Economic League Table โดยจะเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 34 ในปี 2024 เป็นอันดับที่ 25 ภายในปี 2039 สรุป เศรษฐกิจไทย กำลังตกต่ำ เศรษฐกิจไทยที่เคยเป็นผู้นำอาเซียน กำลังเผชิญภาวะถดถอยและตกอันดับต่อเนื่อง เนื่องจากนโยบายและกฎหมายในประเทศไม่เอื้อต่อการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทำให้สตาร์ทอัพไทยไม่สามารถเติบโตในระดับโลกได้ ขณะเดียวกันยังมีการผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยกลุ่มทุนบางกลุ่ม ส่งผลให้การเติบโตของ GDP ไทยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2024 ไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซียและสิงคโปร์ แต่มีอัตราการเติบโตต่ำที่สุดในภูมิภาค (ปี 2567 โตเพียง 2.5% และไตรมาส 2/2568 โต 2.8%) Cebr คาดว่า ฟิลิปปินส์จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2029 และเวียดนามจะแซงไทยในปี 2034 ไทยจะยังอยู่ที่อันดับ 31 ของโลกจนถึงปี 2039 ขณะที่ฟิลิปปินส์และเวียดนามจะขยับขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 23 และ 25 ตามลำดับ ไทยยังถูกจัดเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง แต่มีความเปราะบางต่อปัจจัยเสี่ยงภายนอก เช่น ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าระหว่างประเทศ Cebr คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเฉลี่ยเพียง 2.7% ต่อปีในอีก 15 ปีข้างหน้า เว้นแต่จะมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่จริงจัง กล่าวโดยสรุป ไทยกำลังสูญเสียความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในอาเซียน และหากไม่มีการปรับตัว ฟิลิปปินส์และเวียดนามจะแซงหน้าไทยในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ไทยอาจต้องเผชิญกับการเติบโตที่ชะลอตัวและความเปราะบางทางเศรษฐกิจต่อไป.
  • จัด 5 อันดับเว็ปเทรดคริปโตของไทย ในยุคที่คริปโตกำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นในหลายประเทศ การซื้อขายและทำกำไรคือสิ่งที่ผู้คนมองหา ลองมาดูตลาดแลกเปลี่ยนเว็ปเทรดคริปโตยอดนิยมในประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับและได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ถึงแม้ปัจจุบันเว็ปเทรดคริปโตของไทยนั้นมีความนิยมลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากถูกควบคุมอย่างมากจนผู้คนนิยมหันไปใช้เว็ปเทรดที่ไร้ศูนย์กลางการควบคุม Decentralized Exchange DEX อย่าง Pancake swap หรือ Uniswap มากขึ้นก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่ที่จะใช้งานได้ ซึ่งเว็ปเทรดคริปโตไทยนั้นก็เป็นเรื่องง่ายที่สุดสำหรับมือใหม่ในการเข้าถึงคริปโต 5 อันดับเว็ปเทรดคริปโตที่ดีที่สุดในประเทศไทย ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีตลาดแลกเปลี่ยนคริปโทหลายแห่งที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนไทย นี่คือรายชื่อ 5 ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโทที่โดดเด่นในประเทศไทยในปี 2568
  • All28
  • Albums1
  • Photos28
  • Videos0
  • Music0

Create an Album

Please login

You need to be logged in to upload Media or to create Album.

Click HERE to login.

Upload

Album List

Sorry !! There's no media found for the request !!

Load More
Recent activity
  • Paykalken posted an update in the group Group logo of PaykalkenPaykalken

    1 week ago
  • Paykalken posted an update in the group Group logo of PaykalkenPaykalken

    1 week, 3 days ago
  • Paykalken posted an update in the group Group logo of PaykalkenPaykalken

    2 weeks, 2 days ago
  • Paykalken shared a post

    3 weeks, 5 days ago
  • Paykalken posted an update in the group Group logo of PaykalkenPaykalken

    1 month, 3 weeks ago
Guest
Create an account